ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 328.09 จุด วิตกสหรัฐจำกัดการลงทุนบริษัทต่างชาติ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 26, 2018 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (25 มิ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า การทำสงครามการค้าอาจลุกลามเป็นวงกว้าง หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศแผนการออกมาตรการจำกัดการลงทุนต่อทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะจีนเท่านั้น ขณะที่หุ้นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทเปิดเผยแผนย้ายฐานการผลิตออกจากสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการภาษี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,252.80 จุด ร่วงลง 328.09 จุด หรือ -1.33% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,532.01 จุด ลดลง 160.81 จุด หรือ -2.09% และดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,717.07 จุด ลดลง 37.81 จุด หรือ -1.37%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การทำสงครามการค้าอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมออกแถลงการณ์จำกัดการลงทุนต่อทุกประเทศทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะจีนเท่านั้น หากพบว่าประเทศใดละเมิดสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาต่อสินค้าด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตือนว่า "ทุกประเทศที่ตั้งกำแพงการค้า และเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ควรจะยุติการกระทำดังกล่าว มิฉะนั้นจะเผชิญกับการตอบโต้จากสหรัฐ"

หุ้นฮาร์ลีย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 6% หลังจากบริษัทประกาศแผนการโยกย้ายฐานการผลิตออกจากสหรัฐสำหรับการส่งออกมอเตอร์ไซค์ไปยังสหภาพยุโรป (EU) หลังจากที่ EU ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตรา 25% ซึ่งรวมถึงมอเตอร์ไซค์ เพื่อตอบโต้มาตรการของสหรัฐในการจัดเก็บภาษีเหล็กและอลูมิเนียมจาก EU

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวสหรัฐเตรียมออกมาตรการจำกัดการลงทุนจากจีน โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 3.1% หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.5% หุ้นอเมซอน ร่วงลงกว่า 3% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ดิ่งลง 6.5% และหุ้นอัลฟาเบท ลดลง 2.6% ส่วนหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ดิ่งลง 6.9% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ดิ่งลง 4.4%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 2.3% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 2.4% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ร่วงลงกว่า 1% หุ้นอีตัน คอร์ป ลดลง 0.9% และหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ลดลง 0.2%

หุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ดิ่งลง 7.8% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ร่วงลง 5.5% และหุ้นนอร์เวย์เจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้ง ลดลง 6.1%

หุ้นแคมเบลล์ ซุป ดีดตัวขึ้น 9.4% หลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก โพสต์รายงานว่า คราฟท์ ไฮนซ์ กำลังพิจารณาเข้าซื้อกิจการแคมเบลล์ ซุป

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ซึ่งระบุว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ร่วงลงแตะระดับ -0.15 ในเดือนพ.ค. จากระดับ +0.42 ในเดือนเม.ย. ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในเดือนพ.ค. โดยดัชนี CFNAI ที่มีค่าเป็นลบในเดือนพ.ค. มีสาเหตุจากการปรับตัวลงของตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิต แม้ว่าตัวชี้วัดเกี่ยวกับยอดขาย, คำสั่งซื้อ และปริมาณสินค้าคงคลังปรับตัวขึ้นก็ตาม

ทั้งนี้ ดัชนี CFNAI เป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักตัวชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐ 85 รายการ โดยดัชนี CFNAI ที่มีค่าเป็นบวกจะบ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สูงกว่าแนวโน้ม ขณะที่ดัชนี CFNAI ที่มีค่าเป็นลบจะบ่งชี้ถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ต่ำกว่าแนวโน้ม

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 6.7% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 689,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว โดยได้รับอานิสงส์จากยอดขายบ้านทางภาคใต้ของสหรัฐที่ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 11 ปี

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย.โดย S&P/Case-Shiller, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จาก Conference Board, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2561 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ