ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าขยับลงเล็กน้อยในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวแคบในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการที่สหรัฐเตรียมประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่านในวันนี้
ณ เวลา 20.19 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 3 จุด หรือ 0.01% สู่ระดับ 25,407 จุด
รัฐบาลสหรัฐเตรียมประกาศมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่านในวันนี้ ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าสหรัฐพร้อมที่จะกดดันเศรษฐกิจอิหร่านต่อไป
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้เวลาแก่ภาคธุรกิจของสหรัฐเป็นเวลา 90 วันในการเตรียมตัวรับมือการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่ หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ได้ยกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพ.ค. ซึ่งนับตั้งแต่นั้นมา ค่าเงินริอัล และเศรษฐกิจของอิหร่านได้ทรุดตัวลง และส่งผลให้ชาวอิหร่านทั่วประเทศออกมาประท้วงรัฐบาล
การที่รัฐบาลสหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสกัดกั้นรัฐบาลอิหร่านไม่ให้เข้าถึงสกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐ และส่งผลให้อิหร่านเผชิญความยากลำบากในการทำธุรกรรมในสกุลริอัลในบัญชีธนาคารระหว่างประเทศ หรือในการออกพันธบัตร รวมทั้งการทำธุรกรรมซื้อขายทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่สหรัฐใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทางด้านอิหร่านขู่ตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐพยายามที่จะปิดกั้นการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
นายฮัสซัน รูฮานี ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านจะปิดช่องแคบฮอร์มุซ หากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐกระทบต่อการส่งออกของอิหร่าน
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยจีนจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยคิดอัตราภาษี 25%, 20%, 10% และ 5% ต่อสินค้า 5,207 รายการของสหรัฐ โดยจีนจะดำเนินการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว หากสหรัฐเดินหน้าจัดเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
การประกาศดังกล่าวของจีนมีขึ้น หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ขู่ตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ระดับ 25% จากเดิมในอัตรา 10% คิดเป็นวงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยครอบคลุมสินค้าจำนวน 6,031 รายการ ตั้งแต่สินค้าเพื่อผู้บริโภคไปจนถึงสินค้าด้านการเกษตร หลังจากสหรัฐและจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้า โดยมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมในครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ในเดือนก.ย.