ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 137.65 จุด วิตกข่าว"ทรัมป์"จ่อรีดภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ $2 แสนล้าน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 31, 2018 06:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงขึ้น หลังจากสื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเดินหน้าตามแผนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่ในวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ในสัปดาห์หน้านี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในอาร์เจนตินาและตุรกี พร้อมกับจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,986.92 จุด ลดลง 137.65 จุด หรือ -0.53% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,088.36 จุด ลดลง 21.32 จุด หรือ -0.26% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,901.13 จุด ลดลง 12.91 จุด หรือ -0.44%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงหลังจากสื่อต่างประเทศหลายแห่งซึ่งรวมถึงสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ต้องการเดินหน้าตามแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าของจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ทันทีที่มาตรการดังกล่าวได้ข้อสรุปจากการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆของสหรัฐในสัปดาห์หน้า

รายงานข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงและยืดเยื้อ หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐได้ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 25% คิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตราและวงเงินที่เท่ากัน

ทั้งนี้ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ ก็เท่ากับว่าสหรัฐเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าเป็นสัดส่วนประมาณครึ่งหนึ่งจากสินค้าที่นำเข้าจากจีนทั้งหมดในแต่ละปี

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในอาร์เจนตินาและตุรกี โดยสกุลเงินลีราของตุรกีร่วงลงเป็นวันที่ 4 เมื่อวานนี้ จากการที่นักลงทุนเดินหน้าเทขายสกุลเงินลีราเนื่องจากขาดความเชื่อมั่นต่อค่าเงินของตุรกี หลังมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของธนาคารกลางตุรกีเตรียมลาออกจากตำแหน่ง

ส่วนสถานการณ์ในอาร์เจนตินาซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ในละตินอเมริกานั้น นักลงทุนวิตกกังวลว่ารัฐบาลอาร์เจนตินาอาจผิดนัดชำระหนี้จำนวนมาก ขณะที่ประธานาธิบดีเมาริซิโอ มาครี ของอาร์เจนตินา ได้เรียกร้องให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เร่งการเบิกจ่ายเงินกู้วงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ที่มีการอนุมัติก่อนหน้านี้ เพื่อรับมือกับวิกฤติการเงินในประเทศ โดยรัฐบาลอาร์เจนตินาได้บรรลุข้อตกลงเงินกู้กับ IMF ในช่วงต้นปีนี้ หลังจากที่ค่าเงินเปโซทรุดตัวลงอย่างหนัก โดยเงินกู้วงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมีอายุ 3 ปีนั้น มีเป้าหมายเพื่อพยุงเศรษฐกิจอาร์เจนตินา และแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งสูงเกือบ 30% ต่อปี จนทำให้อาร์เจนตินาติดกลุ่มประเทศที่มีเงินเฟ้อสูงที่สุดในโลก

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศนั้น ปรับตัวลดลง โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 0.9% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 2% หุ้น 3M ปรับตัวลง 0.1% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ลดลง 0.8% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ลดลง 0.6% และหุ้นอีตัน คอร์ป ปรับตัวลง 0.9%

หุ้นดอลลาร์ ทรี ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกใหญ่ที่สุดของสหรัฐที่จำหน่ายสินค้าทุกชนิดในราคาเพียง 1 ดอลลาร์ หรือต่ำกว่า ปิดตลาดร่วงลง 16% หลังจากบริษัทได้เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาส 2 และจากการที่นักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ซีเอฟอาร์ซีได้ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นดอลลาร์ ทรี ลงสู่ระดับ 100 ดอลลาร์ จากระดับ 105 ดอลลาร์

หุ้นอะเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ ดิ่งลง 17.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ในไตรมาส 2

หุ้นแคมเบลล์ ซุป ผู้ผลิตซุปปรุงสำเร็จและอาหารชื่อดังของสหรัฐ ร่วงลง 2.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 2 พร้อมกับประกาศแผนการตัดขายธุรกิจอาหารแช่แข็งในต่างประเทศ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1% หุ้นอเมซอน ขยับขึ้น 0.2% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 0.8% ส่วนหุ้นแอปเปิล ปรับตัวขึ้น 0.9% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากแอปเปิล อิงค์ประกาศเชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมทำข่าวการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้ในวันที่ 12 ก.ย.ที่สตีฟ จ็อบส์ เธียเตอร์ โดยงานดังกล่าวจะเริ่มขึ้นเวลา 10.00 น.ตามเวลาชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐ หรือตรงกับ 24.00 น.ตามเวลาไทย

นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา โดยปธน.ทรัมป์ได้แสดงความหวังว่า แคนาดาจะบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ภายในวันนี้ ขณะที่นางคริสเทีย ฟรีแลนด์ รมว.ต่างประเทศแคนาดา กล่าวว่า การเจรจาข้อตกลง NAFTA กับสหรัฐ กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญ และแคนาดาหวังที่จะเห็นการประนีประนอมเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้รับชัยชนะ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ด้านนักวิเคราะห์คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 214,000 ราย

ส่วนในวันนี้ มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐประจำเดือนส.ค. โดยข้อมูลดังกล่าวจะมีการเปิดเผยในวันนี้ 21.00 น.ตามเวลาไทย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ