ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 91.74 จุด หลังรายงานประชุมเฟดส่งสัญญาณเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 18, 2018 06:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ซึ่งระบุว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยรายงานดังกล่าวทำให้นักลงทุนกังวลว่า ต้นทุนการกู้ยืมที่ปรับตัวสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,706.68 จุด ลดลง 91.74 จุด หรือ -0.36% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,809.21 จุด ลดลง 0.71 จุด หรือ -0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,642.70 จุด ลดลง 2.79 จุด หรือ -0.04%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงหลังจากรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 25-26 ก.ย. ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เฟดจำเป็นต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า กรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยกล่าวว่า เฟดอาจจำเป็นต้องดำเนินนโยบายคุมเข้มทางการเงินต่อไปแม้ในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยกลับสู่ภาวะปกติแล้ว ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่ดีดตัวสูงขึ้นอันเนื่องมาจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากภาวะไร้สมดุลทางการเงิน

หุ้น IBM ร่วงลง 7.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท ขณะที่หุ้นโฮม ดีโปท์ ดิ่งลง 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังในไตรมาส 3 เช่นกัน

หุ้นกลุ่มค้าปลีกชิ้นส่วนรถยนต์ร่วงลง ซึ่งรวมถึงหุ้นออโต้โซน ดิ่งลง 7.6% และหุ้นแอดวานซ์ ออโต้ พาร์ทส์ ร่วงลง 5.2%

หุ้นเทสลา ดิ่งลง 1.7% หลังจากทะยานขึ้นกว่า 6% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า ศาลสหรัฐได้ให้การรับรองข้อตกลงระหว่างนายอีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเทสลา และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ในการยุติคดีที่เกี่ยวข้องกับการทวีตข้อความของนายทัสก์ในการนำเทสลาออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาด

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารได้ปัจจัยหนุนจากการส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดตัวขึ้น 1.3% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 2.7% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก เพิ่มขึ้น 3.6% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 1.1% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ดีดตัวขึ้น 0.2%

ส่วนหุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 5.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 89 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 68 เซนต์/หุ้น และรายได้อยู่ที่ระดับ 4 พันล้านดอลลาร์ สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ จำนวนผู้ใช้บริการเน็ตฟลิกซ์ในสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.09 ล้านรายในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 673,800 ราย

หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส พุ่งขึ้น 5.9% ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3 นอกจากนี้ ทางสายการบินยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐระบุว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลงมากกว่าคาดในเดือนก.ย. โดยดิ่งลง 5.3% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.201 ล้านยูนิต จากระดับ 1.268 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะลดลงสู่ระดับ 1.220 ล้านยูนิตในเดือนก.ย.

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบรรดาบริษัทในดัชนี S&P 500 ซึ่งได้รายงานผลประกอบการในไตรมาส 3 แล้ว จำนวนราว 90% ได้รายงานผลประกอบการที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนต.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ