ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 27.59 จุด นักลงทุนชะลอซื้อขายก่อนรู้ผลซัมมิต"ทรัมป์-สี จิ้นผิง"

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 30, 2018 06:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (29 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่การหารือระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุม G20 จะมีขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มธนาคารปิดตลาดอ่อนแรงลง อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน หลังจากรายงานการประชุมประจำเดือนพ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดอาจดำเนินนโยบายการเงินที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในปีหน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,338.84 จุด ลดลง 27.59 จุด หรือ -0.11% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,273.08 จุด ลดลง 18.51 จุด หรือ -0.25% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,737.76 จุด ลดลง 6.03 จุด หรือ -0.22%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการเจรจาระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง นอกรอบการประชุม G20 ซึ่งจะจัดขึ้นที่อาร์เจนตินาในช่วงปลายสัปดาห์นี้

นักลงทุนส่วนหนึ่งกังวลต่อรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ ซึ่งระบุว่า นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษานโยบายการค้าประจำทำเนียบขาว จะเข้าร่วมการประชุมระหว่างปธน.ทรัมป์ และปธน.สี จิ้นผิง ในครั้งนี้ด้วย เนื่องจากนาวาร์โรมีจุดยืนแข็งกร้าวต่อจีน จึงทำให้นักลงทุนวิตกว่าอาจทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในการเจรจาดังกล่าว

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาหุ้นพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.8% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.8% หุ้น Nvidia ร่วงลง 1.6% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ดิ่งลง 2.07% และหุ้นอินเทล ร่วงลง 2.4%

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 3% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.4% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ลดลง 0.8% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 0.3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.7% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 0.6% และหุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1.04%

หุ้นดอลลาร์ทรี ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ พุ่งขึ้น 6.1% ขณะที่หุ้นอเบอร์คอมบี้ แอนด์ ฟิทช์ พุ่งขึ้น 20.9% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงเทศกาลวันหยุดปลายปีนี้

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์คีเทอร์กรุ๊ปในสหรัฐกล่าวว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนในระหว่างวัน หลังจากรายงานการประชุมประจำวันที่ 7-8 พ.ย.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่ได้แสดงความเห็นว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปน่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม กรรมการเฟดบางคนได้แสดงความเห็นว่า อัตราดอกเบี้ยของเฟดกำลังเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลาง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปนั้น อาจส่งผลให้การขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง และสร้างแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อ

นอกจากนี้ กรรมการหลายคนของเฟดแสดงความเห็นว่า ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันข้างหน้านั้น เฟดควรเริ่มเปลี่ยนแปลงถ้อยคำในแถลงการณ์ที่เคยเน้นย้ำว่าเฟดประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายจากข้อมูลที่ได้รับมา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำดังกล่าวนั้น จะช่วยสื่อสารให้สาธารณชนได้รับทราบว่า คณะกรรมการ FOMC มีความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% ขณะที่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ย.

ส่วนจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 234,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ค. และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 220,000 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ