ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลงในช่วงเปิดตลาด เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจประเทศยักษ์ใหญ่ของโลกอาจกำลังชะลอตัวลง หลังสหรัฐ จีน และญี่ปุ่น ต่างรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแรงเกินคาด
ดัชนี Stoxx Europe 600 เปิดที่ระดับ 344.15 จุด ลดลง 1.3 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดวันนี้ที่ 4,797.92 จุด ลดลง 15.21 จุด, -0.32% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเปิดที่ 10,726.17 จุด ลดลง 61.92 จุด, -0.57%
ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษ ปรับตัวลดลง 0.2% แตะที่ 6,763.65 จุดในช่วงเปิดตลาด ก่อนที่รัฐสภาอังกฤษจะประชุมและลงมติร่าง Brexit ของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ในวันอังคารนี้
ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาสถานการณ์ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับ Brexit อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน นักลงทุนรอดูข้อมูลการค้าอังกฤษที่มีกำหนดเปิดเผยในเวลา 16.30 น.ตามเวลาไทยวันนี้ ด้วยเช่นกัน
ภาวะการซื้อขายถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 155,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง
ด้านสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานเมื่อวันเสาร์ว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย.ขยายตัว 10.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ซึ่งขยายตัว 20.1% ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนพ.ย.ขยายตัวเพียง 7.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ซึ่งขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 26.3%
ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3 หดตัวลง 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการหดตัวมากที่สุดในรอบกว่า 4 ปี เนื่องจากภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ส่งผลกระทบต่อรายจ่ายด้านการลงทุน
ตัวเลขจีดีพีดังกล่าวถูกปรับทบทวนลงจากรายงานเบื้องต้นที่ระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัว 1.2% ในไตรมาส 3 และยังเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่หดตัว 7.3% ในไตรมาส 2 ของปี 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่ญี่ปุ่นปรับขึ้นภาษีการบริโภค ขณะเดียวกัน ตัวเลขจีดีพีที่มีการปรับทบทวน ยังหดตัวลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัว 2.1%