ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ร่วงหนักเกือบ 500 จุด เหตุนักลงทุนวิตกเศรษฐกิจจีน,ยุโรป,สหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday December 15, 2018 07:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเกือบ 500 จุดเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน ยุโรป และสหรัฐ โดยการที่จีนประกาศลดการเรียกเก็บภาษีต่อรถยนต์นำเข้าของสหรัฐนั้น ไม่ได้ช่วยหนุนการซื้อขายเมื่อคืนนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,100.51 จุด ลดลง 496.87 จุด หรือ -2.02% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,599.95 จุด ลดลง 50.59 จุด หรือ -1.91% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6910.67 จุด ลดลง 159.66 จุด หรือ -2.26%

นอกจากนี้ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า การซื้อขายเมื่อคืนนี้ยังได้รับปัจจัยกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐด้วย โดยนักลงทุนจับตาความเคลื่อนไหวของดอลลาร์อย่างใกล้ชิด เพราะหากดอลลาร์แข็งค่ามากเกินไปแล้ว อาจกระทบต่อกำไรของบริษัทที่ทำธุรกิจทั่วโลก

นักลงทุนได้กลับมามีความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจีนได้เปิดเผยตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ท่ามกลางการทำสงครามการค้ากับสหรัฐ

ด้านนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนในปีนี้ สู่ระดับ 1.9% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.0% นอกจากนี้ นายดรากียังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของยูโรโซนในปีหน้า สู่ระดับ 1.7% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.8%

นายดรากีระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงในช่วงขาลง โดยมีสาเหตุจากความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ ผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้า ความเปราะบางในตลาดเกิดใหม่ และความผันผวนในตลาดการเงิน

ส่วนไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 49 เดือน จากระดับ 52.7 ในเดือนพ.ย.

การร่วงลงของดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 ปี

นอกจากนี้ ดัชนี PMI รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 53.6 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 19 เดือน หลังจากแตะระดับ 54.7 ในเดือนพ.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการจ้างงาน และคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจร่วงลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2559

ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังของจีนแถลงเมื่อวานนี้ว่า จีนจะระงับการเก็บภาษีเพิ่มเติมอีก 25% ต่อรถยนต์นำเข้าของสหรัฐ โดยการผ่อนผันดังกล่าวจะมีเวลา 90 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า

การดำเนินการของจีนดังกล่าวสอดคล้องกับข้อความในทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งระบุก่อนหน้านี้ว่า จีนได้ตกลงที่จะปรับลดภาษีรถยนต์สหรัฐจากระดับ 40% หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้บรรลุข้อตกลงยุติข้อพิพาทการค้าชั่วคราว หลังการเจรจานอกรอบการประชุม G20 ที่ประเทศอาร์เจนตินา

การระงับการเก็บภาษีเพิ่มเติมดังกล่าว จะทำให้จีนเรียกเก็บภาษีต่อรถยนต์นำเข้าของสหรัฐที่ระดับเพียง 15% เป็นเวลา 90 วัน จากปัจจุบันเรียกเก็บที่ระดับ 40%

ก่อนหน้านี้ จีนได้ปรับขึ้นอัตราภาษีรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐสู่ระดับ 40% ในเดือนก.ค.เพื่อตอบโต้มาตรการปรับขึ้นอัตราภาษีของทางสหรัฐ

ราคาหุ้นของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ดิ่งลง 10.04% หลังสื่อรายงานว่า บริษัทได้รับรู้เป็นเวลานานหลายทศวรรษว่า ผลิตภัณฑ์แป้งโรยตัวของบริษัท ซึ่งรวมถึงแป้งเด็กจอห์นสัน มีส่วนผสมของแร่ใยหิน

ราคาหุ้นคอสต์โค ปรับตัวลดลง 8.59% หลังบริษัทรายงานรายได้ต่ำกว่าการคาดการณ์ ส่วนหุ้นอะโดบี ปรับตัวลดลง 7.29% หลังรายงานผลประกอบการต่ำกว่าการคาดการณ์เช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ