ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 ธ.ค.) เนื่องจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างหนักส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 19 ธ.ค.ตามเวลาสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.82% ปิดที่ 340.46 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,740.89 จุด ลดลง 31.31 จุด หรือ -0.29% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,701.59 จุด ลดลง 71.65 จุด หรือ -1.06% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,754.08 จุด ลดลง 45.78 จุด หรือ -0.95%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 7% เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาดและการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก โดยหุ้นลูดิน ปิโตรเลียม และหุ้นเอเคอร์ บีพี ต่างก็ร่วงลง 5% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลงเกือบ 2%
นักวิเคราะห์กล่าวว่า นอกเหนือจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างหนักแล้ว หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ยังปรับตัวลงจากรายงานที่ว่า รอยัล ดัทช์ เชลล์ กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อกิจการบริษัทเอนเดเวอร์ เอนเนอร์จี รีซอสเซส ในวงเงิน 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
หุ้นไชร์ ร่วงลง 3% หลังจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัททาเคดา ฟาร์มาซูติคัล โดยไชร์ ซึ่งบริษัทเวชภัณฑ์ของไอร์แลนด์ ได้เข้าซื้อกิจการของทาเคดา ฟาร์มาซูติคัล ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของญี่ปุ่น ในวงเงิน 4.6 หมื่นล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นการเข้าซื้อบริษัทต่างชาติครั้งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
นักลงทุนจับตาการประชุมเฟดซึ่งจะมีการแถลงผลการประชุมในวันพุธที่ 19 ธ.ค.ตามเวลาสหรัฐ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.25-2.50% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 4 ในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์งบประมาณของรัฐบาลอิตาลี และสถานการณ์ที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรัฐบาลอิตาลีได้ปรับลดเป้าหมายการขาดดุลในร่างงบประมาณประจำปี 2562 ลงจากระดับ 2.4% สู่ระดับ 2.04% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพื่อเลี่ยงการดำเนินการที่ขัดต่อกฎหมายการเงินของสหภาพยุโรป (EU)
ส่วนสถานการณ์ Brexit นั้น คณะรัฐมนตรีอังกฤษจัดการประชุมเมื่อวานนี้ เพื่อหารือการเตรียมการรับมือในกรณีที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปโดยที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ซึ่งการประชุมดังกล่าวให้ความสำคัญต่อการจัดสรรงบประมาณจำนวน 2 พันล้านปอนด์ (2.5 พันล้านดอลลาร์) ในการรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น ในกรณีที่เกิดภาวะ Brexit โดยไม่มีการบรรลุข้อตกลง