ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 300 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดิ่งลงในคืนนี้ ซึ่งเป็นวันทำการซื้อขายเป็นวันแรกของปี 2562 ขณะที่นักลงทุนกังวลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจีนและยูโรโซน
ณ เวลา 18.56 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งลง 345 จุด หรือ 1.48% สู่ระดับ 22,923 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 50 ในเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2560
นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือนธ.ค. สู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี ขณะที่ภาคการผลิตของเยอรมนีขยายตัวต่ำสุดรอบ 33 เดือน และสเปนขยายตัวต่ำสุดรอบกว่า 2 ปี ส่วนภาคการผลิตของฝรั่งเศสหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 27 เดือน ขณะที่อิตาลีหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3
ขณะเดียวกัน ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ยังดิ่งลงหลังจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) กล่าวว่า เขาต้องการขัดขวางไม่ให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยอมรับ"สัญญาลมๆแล้งๆ"จากจีนในการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวซบเซาในปีที่แล้ว โดยดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกเมื่อ 10 ปีก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาทั้งปี 2561 ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 5.6%, ดัชนี S&P 500 ทรุดตัวลง 6.2% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 3.9% โดยดัชนีทั้ง 3 ต่างปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งในปีดังกล่าว ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq รูดลง 33.8%, 38.5% และ 40% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ปี 2561 ยังเป็นปีที่ดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี และดัชนี Nasdaq ร่วงลงเป็นครั้งแรก หลังจากดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 6 ปี
ขณะเดียวกัน ในปีที่แล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง แม้ว่าสามารถดีดตัวขึ้นในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี
เมื่อพิจารณาไตรมาส 4 ของปี 2561 พบว่า ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 12% ซึ่งเป็นการปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2552 ส่วนดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 13.97% และ 17.50% ตามลำดับ ซึ่งเป็นการปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2552
และเมื่อพิจารณาเฉพาะเดือนธ.ค. ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ต่างทรุดตัวลงไม่น้อยกว่า 8.7% โดยดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ทำสถิติปรับตัวในเดือนธ.ค.2561 ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2474 และดิ่งลงเมื่อเทียบรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2552
นักวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนพากันเทขายหุ้นในเดือนธ.ค. ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน