ดาวโจนส์ประเดิมปีใหม่ไม่สวย ดิ่งเกือบ 300 จุด กังวลศก.โลก,สงครามการค้า,ชัตดาวน์

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 2, 2019 22:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 300 จุดในวันนี้ ในการซื้อขายวันแรกของปี 2562 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก, การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการปิดหน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลสหรัฐ อันเนื่องจากการขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์

ณ เวลา 21.55 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,044.49 จุด ลดลง 282.97 จุด หรือ 1.21%

ทั้งนี้ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีน ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 50 ในเดือนธ.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2560

นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือนธ.ค. สู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี ขณะที่ภาคการผลิตของเยอรมนีขยายตัวต่ำสุดรอบ 33 เดือน และสเปนขยายตัวต่ำสุดรอบกว่า 2 ปี ส่วนภาคการผลิตของฝรั่งเศสหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 27 เดือน ขณะที่อิตาลีหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3

หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์สรายงานว่า นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) กล่าวเตือนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่า สหรัฐอาจจำเป็นต้องเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อให้สหรัฐได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการเจรจาการค้ากับจีน

นายไลท์ไฮเซอร์ ซึ่งเป็นแกนนำของฝ่ายสหรัฐในการเจรจาการค้ากับจีน กล่าวว่า เขาต้องการที่จะขัดขวางไม่ให้ปธน.ทรัมป์ยอมรับ"สัญญาลมๆแล้งๆ"จากจีน เช่น การเพิ่มวงเงินซื้อถั่วเหลืองสหรัฐเพียงชั่วคราว ในการเจรจาแก้ไขความขัดแย้งทางการค้า

รายงานข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกว่าการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยังคงดำเนินต่อไป และทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่สามารถทำข้อตกลงการค้าก่อนที่ช่วงเวลาการสงบศึกการค้าเป็นเวลา 3 เดือนจะสิ้นสุดลง หลังจากเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 ธ.ค.ปีที่แล้ว

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวซบเซาในปีที่แล้ว โดยดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกเมื่อ 10 ปีก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาทั้งปี 2561 ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 5.6%, ดัชนี S&P 500 ทรุดตัวลง 6.2% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 3.9% โดยดัชนีทั้ง 3 ต่างปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งในปีดังกล่าว ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq รูดลง 33.8%, 38.5% และ 40% ตามลำดับ

นอกจากนี้ ปี 2561 ยังเป็นปีที่ดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี และดัชนี Nasdaq ร่วงลงเป็นครั้งแรก หลังจากดีดตัวขึ้นติดต่อกัน 6 ปี

ขณะเดียวกัน ในปีที่แล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง แม้ว่าสามารถดีดตัวขึ้นในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี

เมื่อพิจารณาไตรมาส 4 ของปี 2561 พบว่า ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 12% ซึ่งเป็นการปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2552 ส่วนดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 13.97% และ 17.50% ตามลำดับ ซึ่งเป็นการปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2552

และเมื่อพิจารณาเฉพาะเดือนธ.ค. ดัชนีดาวโจนส์, ดัชนี S&P 500 และดัชนี Nasdaq ต่างทรุดตัวลงไม่น้อยกว่า 8.7% โดยดัชนีดาวโจนส์ และดัชนี S&P 500 ทำสถิติปรับตัวในเดือนธ.ค.2561 ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2474 และดิ่งลงเมื่อเทียบรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2552

นักวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนพากันเทขายหุ้นในเดือนธ.ค. ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เชิญแกนนำในสภาคองเกรสทั้งจากพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันมายังทำเนียบขาวในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์ รวมทั้งการจัดสรรงบประมาณสำหรับการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดนเม็กซิโก

การพบปะกันระหว่างปธน.ทรัมป์และผู้นำของพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันในวันนี้ ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ภาวะชัตดาวน์เริ่มขึ้นในวันที่ 22 ธ.ค.

ทางด้านสภาคองเกรสจะจัดการประชุมในวันนี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมวันสุดท้ายของสมัยประชุมประจำปี 2017-2018 ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎร

อย่างไรก็ดี คาดว่าสมาชิกสภาคองเกรสจะไม่มีการถกกันในวันนี้ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาชัตดาวน์ ซึ่งขณะนี้ได้ล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2

สภาคองเกรสจะจัดการประชุมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะเป็นการเปิดสมัยประชุมประจำปี 2018-2019 หลังจากที่มีการเลือกตั้งกลางเทอมในสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งพรรคเดโมแครตสามารถกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี ขณะที่พรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา

สมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้วางแผนที่จะยุติภาวะชัตดาวน์ ด้วยการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันพรุ่งนี้ แต่งบประมาณดังกล่าวจะไม่รวมงบในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกร้อง

ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับนี้จะทำให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิมีงบประมาณในการดำเนินงานไปจนถึงวันที่ 8 ก.พ. นอกจากนี้ ร่างงบประมาณดังกล่าวยังรวมถึงการให้งบประมาณแก่หน่วยงานอื่นๆอีก 6 แห่งที่ถูกปิดดำเนินการในขณะนี้ เพื่อให้มีงบประมาณไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย. โดยหน่วยงานดังกล่าวได้แก่ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงขนส่ง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเพื่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยและพื้นที่เขตเมือง

งบประมาณที่จะอนุมัติให้กับกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิในวันพรุ่งนี้ จะรวมถึงงบประมาณสำหรับการสร้างรั้วที่บริเวณชายแดนและมาตรการรักษาความปลอดภัยด้านอื่นๆ วงเงิน 1.3 พันล้านดอลลาร์ แต่จะไม่รวมงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงิน 5 พันล้านดอลลาร์ที่ปธน.ทรัมป์ได้เรียกร้องก่อนหน้านี้

หากร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร ก็จะถูกส่งต่อไปยังวุฒิสภา ซึ่งพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ขณะที่หลายฝ่ายกังวลว่า ร่างกฎหมายงบประมาณฉบับนี้อาจจะไม่ผ่านการรับรองของวุฒิสภา

ทั้งนี้ ภาวะชัตดาวน์ในสหรัฐได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงพ้นเที่ยงคืนวันศุกร์ที่ 21 ธ.ค.2561 ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเที่ยงวันเสาร์ที่ 22 ธ.ค. 2561 ตามเวลาไทย และยืดเยื้อมาจนถึงขณะนี้ หลังจากสภาคองเกรสไม่อนุมัติร่างกฎหมายที่บรรจุงบประมาณสำหรับสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ปธน.ทรัมป์ได้ปฏิเสธที่จะลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณที่ไม่รวมงบประมาณในการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ