ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 86.11 จุด หลังจีนเผยข้อมูลการค้าซบเซา,หุ้นเทคโนฯร่วง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 15, 2019 06:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) หลังจากทางการจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าที่ย่ำแย่ทั้งในเดือนธ.ค.และตลอดปี 2561 ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิป หลังจากบริษัทไดอะล็อค เซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ของแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2561 ที่ระดับต่ำสุดของตัวเลขคาดการณ์ ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงโกลด์แมน แซคส์ และเน็ตฟลิกซ์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,909.84 จุด ลดลง 86.11 จุด หรือ -0.36% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,582.61 จุด ลดลง 13.65 จุด หรือ -0.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,905.92 จุด ลดลง 65.56 จุด หรือ -0.94%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก หลังจากสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนธ.ค. ลดลง 4.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 7.6% ส่งผลให้จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนธ.ค.ที่ระดับ 5.71 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยทั้งยอดส่งออกและนำเข้าในเดือนธ.ค.เป็นสถิติที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559

ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ยอดนำเข้าเดือนธ.ค.ของจีนจะเพิ่มขึ้น 5% และยอดส่งออกจะเพิ่มขึ้น 3%

ส่วนตลอดปี 2561 นั้น ยอดส่งออกของจีนปรับตัวขึ้น 7.1% ซึ่งชะลอตัวลงจากปี 2560 ที่มีการขยายตัว 7.9% ขณะที่ยอดนำเข้าขยายตัวเพียง 12.9% ซึ่งชะลอตัวลงจากปี 2560 ที่มีการขยายตัว 15.9%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปร่วงลง หลังจากบริษัทไดอะล็อค เซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปและซัพพลายเออร์ของแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ 431 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 ซึ่งใกล้ระดับต่ำสุดของช่วงการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 430-470 ล้านดอลลาร์ โดยข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวของการผลิต iPhone ของแอปเปิล หลังจากเมื่อเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว ซัพพลายเออร์หลายแห่งของแอปเปิลได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์รายได้เช่นกัน

ทั้งนี้ หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.5% หุ้นอเมซอนดอทคอม ร่วงลง 1.4% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ลดลง 1.2% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 1.4% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.7% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ดิ่งลง 3.7% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ลดลง 0.6%

หุ้นแปซิฟิก ก๊าซ แอนด์ อิเลคทริก (พีจีแอนด์อี) ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ทรุดฮวบลง 52.4% หลังจากมีรายงานว่า พีจีแอนด์อีเตรียมยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลายแห่งสหรัฐ

หุ้นนิวมอนต์ ไมนิ่ง ร่วงลง 8.9% หลังจากนิวมอนต์ประกาศซื้อกิจการของบริษัทโกลด์คอร์ป ซึ่งเป็นคู่แข่ง ในวงเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตั้งบริษัทผลิตทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งบริษัทที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการดังกล่าวจะสามารถผลิตทอง 6-7 ล้านออนซ์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า โดยจะมีแหล่งทองมากที่สุดในโลกในเหมืองที่อเมริกา, ออสเตรเลีย และกานา

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น หลังจากซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรในไตรมาส 4 ที่ระดับ 1.61 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 1.55 ดอลลาร์/หุ้น

ทั้งนี้ หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.06% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 1.01% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 1.7% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก เพิ่มขึ้น 1.1% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 1.02% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 0.7%

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัททะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ เจพีมอร์แกน เชส, เวลส์ ฟาร์โก, แบล็คร็อค, โกลด์แมน แซคส์ และเน็ตฟลิกซ์

ทางการสหรัฐได้เลื่อนการเปิดเผยข้อมูลหลายรายการในสัปดาห์นี้ เนื่องจากผลกระทบของภาวะชัตดาวน์ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนม.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนธ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐถูกปิดทำการเนื่องจากขาดงบประมาณ หรือชัตดาวน์ ซึ่งล่วงเข้าสู่วันที่ 24 เนื่องจากทำเนียบขาวและแกนนำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสยังไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ