ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 155.75 จุด ขานรับจีนเตรียมกระตุ้นศก.,หุ้นเน็ตฟลิกซ์พุ่งแรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 16, 2019 06:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดในแดนบวกเป็นวันแรกในรอบ 3 วันทำการ ขานรับรายงานข่าวที่ว่า จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นเหนือนแนวต้านที่ระดับ 7,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 1 เดือน หลังจากราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์พุ่งขึ้นกว่า 6% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,065.59 จุด เพิ่มขึ้น 155.75 จุด หรือ +0.65% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,023.83 จุด เพิ่มขึ้น 117.92 จุด หรือ +1.71% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,610.30 จุด เพิ่มขึ้น 27.69 จุด หรือ +1.07%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับรายงานข่าวที่ว่า จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีครั้งใหญ่, เพิ่มศักยภาพในการจัดหาสินเชื่อให้กับบริษัทขนาดเล็ก และเพิ่มการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน โดยทางการจีนจะให้การสนับสนุนกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและภาคการผลิต รวมทั้งจะออกมาตรการที่เอื้อประโยชน์ต่อภาคธุรกิจในปี 2562 เพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

รายงานข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลงจากรายงานที่ว่า ยอดส่งออกเดือนธ.ค.ของจีน หดตัวลง 4.4% เทียบรายปี และยอดนำเข้าหดตัวลง 7.6% โดยทั้งยอดส่งออกและนำเข้าของจีนในเดือนธ.ค.เป็นสถิติที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากหุ้นเน็ตฟลิกซ์ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 6.5% หลังจากบริษัทประกาศปรับขึ้นราคาค่าสมาชิกในอัตรา 13-18% ซึ่งเป็นการขึ้นราคาที่มากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มให้บริการ โดยเน็ตฟลิกซ์ระบุว่า ราคาค่าสมาชิกรายเดือนแบบ Basic จะอยู่ที่ระดับ 9 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 8 ดอลลาร์ ขณะที่แบบ HD Standard จะอยู่ที่ระดับ 13 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 11 ดอลลาร์ และแบบ 4K Premium จะอยู่ที่ระดับ 16 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 14 ดอลลาร์

ทั้งนี้ การพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์ช่วยหนุนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.4% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 2.05% หุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 3.5% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 3.3% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.9% และหุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 0.5%

หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาด โดยการพุ่งขึ้นของหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ในดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้น 1.7%

หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ขยับขึ้น 0.2% ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 4 อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากนายเอ็ด บาสเตียน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์ กล่าวว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วน (ชัตดาวน์) จะทำให้เดลต้าสูญเสียรายได้ราว 25 ล้านดอลลาร์ในเดือนนี้ เนื่องจากทำให้การเดินทางของเจ้าหน้าที่รัฐบาล และข้าราชการลดลง

หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ ปิดตลาดขยับขึ้น 0.7% หลังจากราคาหุ้นร่วงลงในระหว่างวัน จากการธนาคารเปิดเผยรายได้ 2.68 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2561 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.684 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ ปรับตัวลง 1.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยรายได้ 2.098 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4/2561 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.173 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นเชอร์วิน-วิลเลียมส์ ร่วงลง 4.1% หลังจากบริษัทได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2561 เนื่องจากยอดขายที่ชะลอตัวลงในอเมริกาเหนือ

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ หรือชัตดาวน์ ที่ล่วงเข้าสู่วันที่ 25 รวมทั้งรายงานที่ว่า รัฐสภาอังกฤษได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 432 ต่อ 202 เสียง ปฏิเสธร่างข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมเปิดฉากอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งหากผลการอภิปรายครั้งนี้ปรากฎว่ารัฐบาลอังกฤษไม่ได้รับความไว้วางใจ ก็อาจส่งผลให้ต้องมีการจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ในอังกฤษ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค.เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาพลังงาน และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนธ.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนธ.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ