ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 22.38 จุด วิตกชัตดาวน์,เจรจาการค้าสหรัฐ-จีนไม่คืบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 25, 2019 06:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) เนื่องจากความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากรัฐมนตรีกระทรวงสหรัฐยอมรับว่า การบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนยังคงอยู่ห่างไกล นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลว่าสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐจะยืดเยื้อต่อไป หลังจากวุฒิสภาสหรัฐคว่ำร่างกฎหมายงบประมาณ 2 ฉบับ อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,553.24 จุด ลดลง 22.38 จุด หรือ -0.09% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,642.33 จุด เพิ่มขึ้น 3.63 จุด หรือ +0.14% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,073.46 จุด เพิ่มขึ้น 47.69 จุด หรือ +0.68%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างจีนและสหรัฐ หลังจากนายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐได้ออกมายอมรับว่า สหรัฐยังคง"ห่างเป็นไมล์ๆ" จากการบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน โดยระบุว่า ประเด็นที่เป็นอุปสรรคต่อการเจรจาการค้ากับจีน ได้แก่ การที่สหรัฐขาดดุลการค้าจำนวนมากต่อจีน, การที่จีนมีแผนที่จะครอบครองอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูงในปี 2025 และการที่จีนควรเปิดตลาดให้แก่บริษัทสหรัฐเพื่อให้เข้าสู่ตลาดได้อย่างเท่าเทียมกัน

ทั้งนี้ นายรอสส์แสดงความเห็นว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะต้องทำการปฏิรูปโครงสร้าง และกำหนดบทลงโทษ เพื่อให้มีการเริ่มต้นความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนอีกครั้ง

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐปฏิเสธการรับรองร่างกฎหมายงบประมาณทั้ง 2 ฉบับ โดยฉบับหนึ่งเป็นร่างกฏหมายที่รวมงบประมาณสำหรับสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกวงเงิน 5.7 พันล้านดอลลาร์ตามคำเรียกร้องของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนอีกฉบับหนึ่งเป็นร่างกฎหมายที่สนับสนุนโดยพรรคเดโมแครต โดยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้หน่วยงานของรัฐบาลที่ถูกชัตดาวน์นั้น มีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 8 ก.พ.

ร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับต่างก็ได้รับคะแนนสนับสนุนไม่ถึง 60 เสียงตามเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อให้ร่างกฎหมายผ่านการพิจารณา ส่งผลให้สถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐก้าวเข้าสู่วันที่ 35 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์

อย่างไรก็ตาม การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิป ได้ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยหุ้น Xilinx ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 18.4% หุ้นแลม รีเสิร์ช พุ่งขึ้น 15.7% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวขึ้น 1.06% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.4% และหุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ เพิ่มขึ้น 0.3%

หุ้นกลุ่มสายการบินพุ่งขึ้นหลังจากสายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ เปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2561 ที่ระดับ 1.04 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.01 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่สายการบินเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ และเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ต่างก็เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดเช่นกัน

ทั้งนี้ หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 6.3% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล เพิ่มขึ้น 1.4% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ พุ่งขึ้น 6.2% และหุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส พุ่งขึ้น 5.1%

หุ้นแปซิฟิก ก๊าซ แอนด์ อิเลคทริก (พีจีแอนด์อี) ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 75%

หุ้นเท็กซัส อินสตรูเมนท์ พุ่งขึ้น 6.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 4/2561 พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2562

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ไอเอชเอส มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.5 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน หลังจากแตะระดับ 54.4 ในเดือนธ.ค. โดยได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี แม้ว่าการจ้างงานได้ชะลอตัวลง

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 13,000 ราย สู่ระดับ 199,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนพ.ย.2512 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ