ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากการประกาศซื้อคืนหุ้นของธนาคารลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป และบริษัทเกล็นคอร์ ขณะที่รายงานข่าวที่ว่า สำนักงานควบคุมตลาดและการแข่งขันของอังกฤษอาจปฏิเสธแผนควบรวมกิจการระหว่างเจ เซนส์บิวรี และเอสด้า กรุ๊ปนั้น เป็นปัจจัยลบต่อตลาด
ดัชนี Stoxx Europe บวก 0.67% ปิดที่ 371.46 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,195.95 จุด เพิ่มขึ้น 35.43 จุดหรือ +0.69% ขณะที่ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,228.62 จุด เพิ่มขึ้น 49.45 จุดหรือ +0.69% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,401.97 จุด เพิ่มขึ้น 92.76 จุดหรือ +0.82%
นักลงทุนในตลาดยังคงจับตาประเด็นการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ เข้าร่วมประชุมกับนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปที่กรุงบรัสเซลล์ในวันพุธ และจะพยายามเปลี่ยนแปลงข้อตกลง Brexit ที่ทำไว้ในปีที่ผ่านมา
หุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารของอังกฤษ พุ่ง 5.28% หลังธนาคารเปิดเผยแผนการซื้อคืนหุ้น และกำหนดเป้าหมายการปรับลดต้นทุน
หุ้นเกล็นคอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองของสวิตเซอร์แลนด์ ปรับตัวขึ้น 2.33% หลังประกาศแผนซื้อคืนหุ้นครั้งใหม่มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์
แต่หุ้นเจ เซนส์บิวรี ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกของอังกฤษ ร่วง 15.16% หลังสำนักงานควบคุมตลาดและการแข่งขันของอังกฤษระบุว่า อาจคัดค้านแผนการควบรวมกิจการระหว่างเจ เซนส์เบรี่และบริษัทเอสด้า กรุ๊ป
หุ้นสายการบินแอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็มของฝรั่งเศส พุ่ง 6.12% หลังบริษัทเปิดเผยยอดขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4/2561 อยู่ที่ระดับ 218 ล้านยูโร (246.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ลดลง เมื่อเทียบกับยอดขาดทุน 928 ล้านยูโรในไตรมาส 4/2560
ส่วนตลอดปีงบการเงิน 2561 แอร์ฟรานซ์-เคแอลเอ็ม มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า สู่ระดับ 709 ล้านยูโร
หุ้นอีซี่เจ็ต ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำของอังกฤษ พุ่ง 3.9%