ดาวโจนส์ร่วงต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งกว่า 150 จุด คาดสหรัฐ-จีนยังไม่ใกล้บรรลุข้อตกลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 27, 2019 23:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดร่วงลงกว่า 150 จุด หลังจากที่นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ส่งสัญญาณบ่งชี้ว่า สหรัฐและจีนยังไม่มีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงการค้าในเร็วๆนี้

ณ เวลา 22.58 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,906.17 จุด ลดลง 151.81 จุด หรือ 0.58%

นายไลท์ไฮเซอร์กล่าวว่า จีนจำเป็นต้องดำเนินการมากกว่าแค่เพียงซื้อสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น ก่อนที่สหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าอย่างถาวร

"เราสามารถแข่งขันกับประเทศใดก็ได้ในโลก แต่เราต้องมีการบังคับใช้กฎระเบียบเพื่อให้มั่นใจถึงผลลัพธ์ในตลาด ไม่ใช่การใช้ระบบทุนนิยมที่มีรัฐเป็นผู้บงการ และการขโมยเทคโนโลยีเป็นตัวตัดสินใจผู้ชนะ" นายไลท์ไฮเซอร์กล่าวต่อคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีการจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎร (House Ways and Means Committee)

นายไลท์ไฮเซอร์ยังระบุว่า การบังคับใช้ข้อตกลงที่สหรัฐและจีนอาจบรรลุในเดือนหน้า จะเป็นกระบวนการที่ยาวนาน

ทั้งนี้ การให้ข้อมูลของนายไลท์ไฮเซอร์ต่อคณะกรรมาธิการดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเลื่อนเวลาการปรับเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จากเดิมที่มีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 1 มี.ค. โดยระบุว่าการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีความคืบหน้าในประเด็นสำคัญ ซึ่งรวมถึงประเด็นการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา

ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์กำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างปธน.ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ

นอกจากนี้ ตลาดยังรอการกล่าวถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในวันนี้

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ได้พบปะกันในค่ำวันนี้ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม

ทั้งนี้ ผู้นำทั้งสองได้จับมือ ยิ้มแย้ม และทักทายกันที่โรงแรมโซฟิเทล เลเจนด์ เมโทรโพล กลางกรุงฮานอย

ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาคิดว่าการเจรจาจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และเขาจะไม่ผ่อนปรนเงื่อนไขเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์

ต่อข้อถามที่ว่า เขาจะประกาศสิ้นสุดสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการหรือไม่ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "เราคงต้องดูกัน"

ทางด้านนายคิมกล่าวว่า ทั้งตัวเขาและปธน.ทรัมป์ต่างก็ต้องเอาชนะอุปสรรคในการจัดการประชุมสุดยอดที่เวียดนาม และจำเป็นต้องใช้ความอดทนนับตั้งแต่การประชุมสุดยอดครั้งแรกที่สิงคโปร์ และเขาหวังว่าการประชุมครั้งนี้จะประสบผลสำเร็จ

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์และนายคิมมีกำหนดสนทนากันเป็นการส่วนตัวสองต่อสองเป็นเวลา 20 นาที ก่อนที่จะร่วมรับประทานอาหารค่ำพร้อมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายอื่นๆ

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ผู้นำทั้งสองและคณะจะจัดการประชุมหลายรอบ เพื่อหารือกันเกี่ยวกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี และการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ รวมทั้งการประกาศยุติสงครามเกาหลี

นักลงทุนยังจับตาการกล่าวถ้อยแถลงของนายพาวเวลต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 ในวันนี้

ในการกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดจะใช้ความอดทนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการตัดสินใจด้านนโยบายอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจที่เฟดได้รับ

นายพาวเวลยังกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยง ซึ่งเฟดกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะปรับนโยบาย หากมีความจำเป็น

นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างอินเดียและปากีสถาน

นายอิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ยื่นข้อเสนอต่อนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย ในวันนี้ เพื่อให้มีการเจรจาผ่อนคลายความตึงเครียดระหว่างประเทศทั้งสอง

ทั้งนี้ ในการกล่าวแถลงการณ์ซึ่งมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศ นายข่านกล่าวว่า ปากีสถานพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ และขอเรียกร้องให้อินเดียเข้าร่วมการเจรจาเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา เนื่องจากสงครามไม่ได้ก่อประโยชน์ให้แก่ฝ่ายใด

นอกจากนี้ นายข่านยังได้ให้ความมั่นว่า ปากีสถานจะให้ความร่วมมือกับทางการอินเดียในการตามล่าตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีฆ่าตัวตายในเดือนนี้ที่เกิดขึ้นในแคว้นแคชเมียร์จนทำให้ทหารอินเดียเสียชีวิตกว่า 40 นาย

กลุ่ม Jaish-e-Mohammad ซึ่งมีฐานอยู่ในปากีสถาน ได้อ้างความรับผิดชอบต่อเหตุโจมตีดังกล่าว ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้อินเดียส่งเครื่องบินรบถล่มฐานที่มั่นของกลุ่มติดอาวุธดังกล่าวในปากีสถานเมื่อวานนี้ ขณะที่กองทัพอากาศของปากีสถานยิงเครื่องบินรบของอินเดียตก 2 ลำในวันนี้ พร้อมกับควบคุมตัวนักบิน

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้กรมการบินพาณิชย์ของปากีสถานประกาศปิดน่านฟ้าในวันนี้ และทำให้สายการบินต่างๆพากันยกเลิกเที่ยวบินที่ต้องบินผ่านน่านฟ้าของปากีสถาน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ