ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 มี.ค.) โดยปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลก เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการค้าโลก และขานรับการลงมติครั้งล่าสุดของรัฐสภาอังกฤษที่จะเลื่อนกำหนดเส้นตายการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มน้ำมันช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี Stoxx Europe บวก 0.68% ปิดที่ 381.10 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,405.32 จุด เพิ่มขึ้น 55.54 จุด หรือ +1.04% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,685.69 จุด เพิ่มขึ้น 98.22 จุด หรือ +0.85% ขณะที่ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,228.28 จุด เพิ่มขึ้น 42.85 จุดหรือ +0.60%
ตลาดปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากเมื่อวานนี้ สภาประชาชนแห่งชาติของจีน (NPC) ได้อนุมัติกฎหมายใหม่เพื่อคุ้มครองบริษัทต่างชาติจากการถูกบังคับให้ถ่ายโอนเทคโนโลยี ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นปัญหาใหญ่ที่สหรัฐและประเทศอื่นๆ ร้องเรียนเกี่ยวกับการทำการค้ากับจีน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐสภาอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 412-202 เสียง เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (EU) ขยายกำหนดเส้นตาย Brexit ออกไปอีก 3 เดือน หรือจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 29 มี.ค.นี้
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยได้แรงหนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และลดลงของสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐ
หุ้นโททาล บวก 0.49% และ หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ เพิ่มขึ้น 0.20%
หุ้นโฟล์คสวาเกน ปรับตัวขึ้น 0.11% ขณะที่นักลงทุนไม่ได้สนใจกับรายงานข่าวที่ว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ได้ตั้งข้อหาบริษัท โฟล์คสวาเกน และนายมาร์ติน วินเทอร์คอร์น อดีตซีอีโอของโฟล์คสวาเกน ในข้อหาฉ้อโกงนักลงทุนในสหรัฐ