ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 83.97 จุดหลังหุ้น"โบอิ้ง"ร่วงหนัก ขณะตลาดจับตาผลประกอบการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 9, 2019 06:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นโบอิ้งที่ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากทางบริษัทประกาศแผนลดการผลิตเครื่องบินรุ่น 737 นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ได้รับปัจจัยลบจากการดิ่งลงของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มสายการบิน อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P500 ดีดตัวขึ้นปิดในแดนบวก หลังจากหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และเวลส์ ฟาร์โก ที่มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,341.02 จุด ลดลง 83.97 จุด หรือ -0.32% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,895.77 จุด เพิ่มขึ้น 3.03 จุด หรือ +0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,953.88 จุด เพิ่มขึ้น 15.19 จุด หรือ +0.19%

หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 4.4% หลังจาก โบอิ้งประกาศแผนการลดการผลิตเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 โดยจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนนี้ เพื่อให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกกับการปรับปรุงระบบซอฟท์แวร์ของเครื่องบินรุ่น 737 MAX ที่ถูกสั่งห้ามบินทั่วโลก

เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX 8 เที่ยวบิน ET 302 ของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ ประสบอุบัติเหตุตกหลังจากขึ้นบินได้เพียง 6 นาที จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 157 ราย โดยเครื่องบินดังกล่าวเป็นรุ่นเดียวกับของสายการบินไลอ้อนแอร์ ซึ่งตกเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว และคร่าชีวิตผู้โดยสารทั้งหมด 189 ราย

การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นโบอิ้งยังได้ฉุดหุ้นของบริษัทต่างๆที่เป็นซัพพลายเออร์ให้กับโบอิ้ง โดยหุ้นสปิริต แอโรซิสเต็มส์ ร่วงลง 5.1% หุ้นไทรอัมพ์ กรุ๊ป ดิ่งลง 6.2% หุ้นอาร์บีซี แบร์ริ่ง ร่วงลง 3.2% และหุ้นวู้ดเวิร์ด ลดลง 1.2%

หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง เนื่องจากผลกระทบของการที่สายการบินหลายแห่งระงับเที่ยวบิน หลังจากมีคำสั่งห้ามนำเครื่องโบอิ้ง 787 Max ขึ้นบิน โดยหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ร่วงลง 2.5% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ลดลง 1.2% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล ลดลง 0.4% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ลดลง 0.4% และหุ้นอลาสกา แอร์ กรุ๊ป ปรับตัวลง 0.4%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ลดลง 0.4% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ลดลง 0.12% หุ้น 3M ลดลง 0.2% ส่วนหุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) ร่วงลงอย่างหนักถึง 5.2% หลังจากเจพีมอร์แกนได้ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้น GE ลงสู่ระดับ "underweight" จากระดับ "neutral"

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า สถานการณ์รุนแรงในลิเบียจะส่งผลกระทบต่อภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลก โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 0.2% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 0.5% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.03%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐปรับตัวลดลง 0.5% ในเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 0.6% โดยการปรับตัวลงของคำสั่งซื้อภาคโรงงานได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้ออุปกรณ์ด้านการขนส่ง เครื่องจักร คอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์อิเลคทรอนิคส์

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนก.พ., อัตราเงินเฟ้อเดือนมี.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ., สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA), คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ