ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์แทบไม่ขยับในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะพักฐานในคืนนี้ หลังจากที่พุ่งขึ้นเมื่อวานนี้
ณ เวลา 20.18 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 4 จุด หรือ 0.02% สู่ระดับ 26,643 จุด
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ขณะนี้ บริษัทจำนวนมากกว่า 78% ในดัชนี S&P 500 ซึ่งได้เปิดเผยผลประกอบการแล้ว สามารถรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และดีกว่าที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าบริษัทจดทะเบียนจะรายงานผลประกอบการลดลง 4.2% ในไตรมาสแรก
หุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก พุ่งขึ้น 1% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ หลังบริษัทเผยตัวเลขกำไร และรายได้ในไตรมาสแรก สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ แคทเธอร์ พิลลาร์ระบุว่า บริษัทมีกำไร 2.94 ดอลลาร์/หุ้น เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.85 ดอลลาร์/หุ้น
บริษัทระบุรายได้ที่ระดับ 1.347 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.340 หมื่นล้านดอลลาร์
ราคาหุ้นของแคทเธอร์ พิลลาร์ถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ
ทางด้านบริษัทโบอิ้งเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรในไตรมาสแรก สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่มีรายได้ต่ำกว่าคาด
ทั้งนี้ โบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 3.16 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ 2.292 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.298 หมื่นล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน โบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทขอยกเลิกตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการประจำปีนี้ ขณะที่บริษัทกำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับเครื่องบินรุ่น 737 MAX โดยระบุว่า ตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้สะท้อนผลกระทบจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินรุ่นดังกล่าว
ราคาหุ้นโดมิโนส์ พิซซา อิงค์ พุ่งขึ้น 5% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ หลังจากที่บริษัทเปิดเผยกำไรสูงกว่าคาดในไตรมาสแรก แม้ว่ารายได้และยอดขายต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ โดมิโนส์ระบุว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 2.20 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.09 ดอลลาร์/หุ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 836 ล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 849.6 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ บริษัทระบุว่ายอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 3.9% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.22%
สแนป อิงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของแอป Snapchat เปิดเผยรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาสแรก
ทั้งนี้ สแนปเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 320 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 307 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ บริษัทมีตัวเลขขาดทุน 10 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 12 เซนต์/หุ้น
ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ใช้บริการรายวันทั่วโลกอยู่ที่ระดับ 190 ล้านคน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 187.22 ล้านคน
ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อผู้ใช้บริการอยู่ที่ระดับ 1.68 ดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.62 ดอลลาร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาบริษัทออคซิเดนทัล ปิโตรเลียม ซึ่งได้ประกาศเปิดศึกเทคโอเวอร์บริษัทอนาดาร์โค ปิโตรเลียม ในวันนี้ ด้วยการเสนอวงเงินที่สูงกว่าบริษัทเชฟรอน
ทั้งนี้ ออคซิเดนทัลเสนอซื้อหุ้นอนาดาร์โคที่ระดับ 76 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าระดับ 65 ดอลลาร์ของเชฟรอน โดยผู้ถือหุ้นอนาดาร์โค จะได้รับหุ้นออคซิเดนทัลจำนวน 0.6094 หุ้น และเงินสด 38 ดอลลาร์สำหรับทุกๆ 1 หุ้นของอนาดาร์โค
ข้อเสนอของออคซิเดนทัลส่งผลให้อนาดาร์โคมีมูลค่าสินทรัพย์ 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์
ทางด้านบริษัทเชฟรอน ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ ประกาศเมื่อวันที่ 12 เม.ย.เกี่ยวกับแผนเข้าซื้อกิจการอนาดาร์โค ปิโตรเลียม ซึ่งเป็นบริษัทด้านการสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ในวงเงิน 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์
เชฟรอนหวังว่าการซื้อกิจการอนาดาร์โค จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) รวมทั้งก๊าซธรรมชาติ
ทั้งนี้ ตามข้อตกลงดังกล่าว เชฟรอนจะซื้อหุ้นอนาดาร์โคในราคาหุ้นละ 65 ดอลลาร์
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นอนาดาร์โค จะได้รับหุ้นเชฟรอนจำนวน 0.3869 หุ้น และเงินสด 16.25 ดอลลาร์สำหรับทุกๆ 1 หุ้นของอนาดาร์โค
ขณะเดียวกัน เชฟรอนจะเข้ารับภาระหนี้จำนวน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ของอนาดาร์โค