ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 134.97 จุด หุ้นอุตสาหกรรมร่วงหลัง 3M,UPS เผยผลประกอบการอ่อนแอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 26, 2019 06:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 เม.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงหลังจากบริษัท 3M และ ยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (UPS) เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสหรัฐเผยตัวเลขการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานของชาวอเมริกันที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 19 เดือน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,462.08 จุด ลดลง 134.97 จุด หรือ -0.51% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,926.17 จุด ลดลง 1.08 จุด หรือ -0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,118.68 จุด เพิ่มขึ้น 16.67 จุด หรือ +0.21%

หุ้น UPS ซึ่งเป็นบริษัทรับส่งพัสดุภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลง 8.1% หลังจากบริษัทรายงานว่า กำไรในไตรมาสแรกอยู่ที่ระดับ 1.39 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.41 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศที่หนาวจัดในช่วงเวลาดังกล่าว

หุ้น 3M ดิ่งลง 13% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาสแรกอยู่ที่ระดับ 2.23 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.49 ดอลลาร์/หุ้น นอกจากนี้ 3M ยังได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2562 และประกาศลดการจ้างงานลง 2,000 ตำแหน่ง โดยมีเป้าหมายที่จะปรับโครงสร้างธุรกิจ

ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของ 3M และ UPS ได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงด้วย โดยดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง 1.99% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ลดลง 1.7% หุ้นอีตัน คอร์ป ดิ่งลง 1.8% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) ร่วงลง 2.1%

หุ้นเทสลา มอเตอร์ ร่วงลง 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาสแรกที่ระดับ 702 ล้านดอลลาร์ หรือ 4.10 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งขาดทุนมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.15 ดอลลาร์/หุ้น

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 37,000 ราย สู่ระดับ 230,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 4,500 ราย สู่ระดับ 206,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทไมโครซอฟท์และเฟซบุ๊ก โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 5.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 26% สู่ระดับ 1.51 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.497 หมื่นล้านดอลลาร์

ส่วนหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 3.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 14% แตะที่ระดับ 3.06 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2.99 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจคลาวด์ที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง หลังจากธุรกิจในภาคส่วนดังกล่าวได้รับความนิยมในหมู่ลูกค้าที่เป็นบริษัทรายใหญ่

หุ้นคอมแคสต์ สื่อยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาสแรกที่ระดับ 76 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 68 เซนต์/หุ้น

หุ้นเซาธ์เวสต์ แอร์ไลน์ส ดีดตัวขึ้น 0.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาสแรกที่ระดับ 5.15 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.12 พันล้านดอลลาร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 2.7% ในเดือนมี.ค. หลังจากลดลง 1.1% ในเดือนก.พ. โดยการพุ่งขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนมี.ค. ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวของคำสั่งซื้อในภาคขนส่ง

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาสแรกของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP สหรัฐจะขยายตัว 2.1% อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า GDP สหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.2-3.4% ในไตรมาสแรก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ