ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้อ่อนตัวลง หลังจากที่ตลาดวอลล์สตรีทอ่อนตัวลงเมื่อคืนที่ผ่านมา ในขณะที่นักลงทุนต่างจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐในคืนนี้ รวมทั้งแนวโน้มการจัดการเจรจาการค้าระหว่งจีนและสหรัฐ
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 29,937.73 จุด ลดลง 6.45 จุด, -0.02% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,633.35 จุด เพิ่มขึ้น 1.11 จุด, +0.07% ขณะที่ตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นโตเกียว ปิดทำการวันนี้ (3 พ.ค.) เนื่องในวันวันหยุด
นางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จะตัดสินใจว่าจะจัดประชุมร่วมกันเพื่อทำข้อตกลงการค้าหรือไม่ ภายหลังการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐกับจีนเสร็จสิ้นลงในสัปดาห์หน้า โดยทางสหรัฐเชื่อว่าการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐกับจีนมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น
ขณะที่หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ ซึ่งเป็นสื่อที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคคอมมิวนิสต์จีน รายงานในบทวิเคราะห์ว่า ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากไม่มั่นใจว่ากระบวนการดังกล่าวจะเผชิญกับทางตันหรือไม่ เมื่อพิจารณาจากผลการเจรจาในสัปดาห์นี้ที่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด
คณะเจรจาการค้าของสหรัฐและจีนได้เสร็จสิ้นการเจรจาการค้าที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันพุธที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา และทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในรอบต่อไปที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์หน้า
สำหรับความเคลื่อนไหวด้านการเงินนั้น บรรดารัฐมนตรีคลังของประเทศในภูมิภาคเอเชียเห็นพ้องร่วมกันว่าจะพิจารณาเพิ่มสกุลเงินเยนของญี่ปุ่นและเงินหยวนของจีนในข้อตกลงการสว็อปอัตราแลกเปลี่ยนที่นอกเหนือไปจากดอลลาร์สหรัฐ ในความพยายามที่จะรับมือกับวิกฤตการเงินที่อาจจะเกิดขึ้น ขณะที่คัดค้านการดำเนินนโยบายปกป้องการค้าท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน
รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางของญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) ระบุในแถลงการณ์ร่วมหลังการประชุมในฟิจิเมื่อวานนี้ว่า การเพิ่มสกุลเงินท้องถิ่นในข้อตกลงสว็อปนั้น เป็น"ทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ"สำหรับอนาคต
ทั้งนี้ สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย.ในคืนนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 185,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. หลังจากพุ่งขึ้น 196,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8%