ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 98.68 จุด เหตุนักลงทุนกังวลความขัดแย้งการค้าสหรัฐ-จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday May 18, 2019 06:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนยังคงกังวลกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน แม้มีการเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่พุ่งสูงสุดในรอบ 15 ปีก็ตาม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,764.00 จุด ลดลง 98.68 จุด หรือ -0.38% ขณะที่ ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,859.53 จุด ลดลง 16.79 จุด หรือ -0.58% และ ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,816.28 จุด ลดลง 81.76 จุด หรือ -1.04%

ตลาดปรับตัวลง โดยถูกกดดันจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยการเจรจาการค้าระหว่าง 2 ประเทศ มีความไม่แน่นอนมากขึ้น หลังจากสหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% เมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้จีนทำการตอบโต้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า โดยหุ้นโบอิ้ง ลบ 0.01% หุ้น 3M ดิ่งลง 1.55% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วง 2.99% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ลดลง 0.17% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) ร่วงลง 1.28%

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ทำเนียบขาวได้ออกคำสั่งบริหารเพื่อห้ามใช้อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมของต่างชาติ ซึ่งสหรัฐระบุว่า สร้างความเสี่ยงที่ไม่สามารถยอมรับได้ ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ และกลุ่มบริษัทอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม โดยหุ้นควอลคอมม์ ปรับตัวลง 1.58% หุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 3.35% และ หุ้นคอร์โว ดิ่งลง 6.14%

อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเป็นปัจจัยบวกในตลาดเมื่อคืนนี้ โดยผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 102.4 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 97.5 จากระดับ 97.2 ในเดือนเม.ย.

นอกจากนี้ ดัชนีภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และดัชนีคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตต่างปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ค.

รายงานระบุว่า ผู้บริโภคมองแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมดีขึ้นอย่างมาก โดยแนวโน้มเศรษฐกิจระยะใกล้และระยะยาวแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2547


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ