ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 197.43 จุด หุ้นกลุ่มผลิตชิพพุ่งหนุนตลาด,นลท.คลายกังวลสงครามการค้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 22, 2019 06:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) หลังจากรัฐบาลสหรัฐยกเลิกคำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐดำเนินธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ยเป็นการชั่วคราว โดยข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ผลิตชิพ ซึ่งรวมถึงหุ้นบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ของหัวเว่ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,877.33 จุด เพิ่มขึ้น 197.43 จุด หรือ +0.77% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,864.36 จุด เพิ่มขึ้น 24.13 จุด หรือ +0.85% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,785.72 จุด เพิ่มขึ้น 83.35 จุด หรือ +1.08%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้น หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐในการดำเนินธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ เป็นการชั่วคราว โดยอนุญาตให้มีการอัพเดทซอฟท์แวร์เพื่อให้ผู้ใช้ยังคงสามารถใช้งานโทรศัพท์ของหัวเว่ยได้ ซึ่งการยกเลิกคำสั่งดังกล่าวจะมีผลจนบังคับใช้จนถึงวันที่ 19 ส.ค.นี้ และจะทำให้หัวเว่ยมีเวลาในการพัฒนาระบบ Android Q อัพเดทสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นปัจจุบัน

ทางด้านบริษัทกูเกิล อิงค์ ออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ว่า ทางบริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจกับหัวเว่ยในช่วง 90 วันข้างหน้า หลังจากรัฐบาลสหรัฐยกเลิกคำสั่งห้ามบริษัทสหรัฐดำเนินธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ยเป็นการชั่วคราว โดยการดำเนินการล่าสุดของกูเกิลถือเป็นการกลับการตัดสินใจ หลังจากที่กูเกิลได้ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า ทางบริษัทจะยุติการดำเนินธุรกิจกับหัวเว่ยเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐ

หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพดีดตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ให้กับหัวเว่ย โดยหุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.07% หุ้นซิลลินซ์ (Xilinx) พุ่งขึ้น 4.6% หุ้นบรอดคอม เพิ่มขึ้น 1% หุ้นสกายเวิร์คส์ โซลูชั่น พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นควอลคอมม์ เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 2.9% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 2.2% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ พุ่งขึ้น 2.5%

ส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 0.5% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 1.1%

หุ้นกลุ่มอตุสาหกรรมปรับตัวขึ้นขานรับข่าวด้านบวกระหว่างสหรัฐและจีนเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.7% หุ้น 3M ดีดขึ้น 0.6% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.06% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 1.9 หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) เพิ่มขึ้น 0.8%

อย่างไรก็ดี หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ปิดตลาดดิ่งลง 12.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาสแรกที่ระดับ 61 เซนต์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 68 เซนต์/หุ้น นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์กำไรต่อหุ้นของทั้งปีนี้ สู่ระดับ 5.15-5.45 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 5.80-6.15 ดอลลาร์

หุ้นเจซี เพนนีย์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ปิดร่วงลง 7% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 46 เซนต์/หุ้นในไตรมาสแรก ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 38 เซนต์/หุ้น

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 0.4% สู่ระดับ 5.19 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่ายอดขายจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 5.35 ล้านยูนิต จากระดับ 5.21 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 30 เม.ย. -1 พ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ