ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 100.72 จุด วิตกข้อพิพาทการค้าสหรัฐ-จีนลุกลาม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 23, 2019 06:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจลุกลามเป็นวงกว้าง หลังจากมีรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมขึ้นบัญชีดำบริษัทจำหน่ายกล้องวงจรปิดรายใหญ่ 5 รายของจีน ในข้อหากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,776.61 จุด ลดลง 100.72 จุด หรือ -0.39% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,856.27 จุด ลดลง 8.09 จุด หรือ -0.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,750.84 จุด ลดลง 34.88 จุด หรือ -0.45%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดอ่อนแรงลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาด โดยรายงานล่าสุดระบุว่า ปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณาที่จะขึ้นบัญชีดำบริษัทจำหน่ายกล้องวงจรปิดรายใหญ่ 5 รายของจีน ซึ่งรวมถึงบริษัท Hikvision Digital Technology และ บริษัท Dahua Technology ด้วยข้อหากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้บริษัทเหล่านี้ถูกตัดขาดจากการเข้าถึงตลาดและซัพพลายเออร์ของสหรัฐ นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าวยังมีความคล้ายคลึงกับที่สหรัฐได้ปฏิบัติกับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ เมื่อไม่นานมานี้

รายงานระบุว่า บริษัท Hikvision Digital Technology และบริษัท Dahua Technology ถูกกล่าวหาจากกลุ่มปกป้องสิทธิมนุษยชนว่ามีส่วนร่วมกับรัฐบาลจีนในการปราบปรามชาวอุยกูร์ซึ่งเป็นกลุ่มชาวมุสลิมในมณฑลซินเจียง ทางตะวันตกของจีน

ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานการประชุมเฟดประจำวันที่ 30 เม.ย. - 1 พ.ค. ซึ่งระบุว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดยังคงเน้นย้ำถึงการ "ใช้ความอดทน" ในการดำเนินนโยบายการเงิน พร้อมระบุว่า เฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้

หุ้นควอลคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 11% หลังศาลแขวงสหรัฐมีคำตัดสินเมื่อวานนี้ว่า บริษัทควอลคอมได้ดำเนินการที่ผิดกฎหมาย และขัดขวางการแข่งขันในตลาด ด้วยการใช้สถานะการเป็นผู้นำในตลาดบีบให้คู่แข่งไม่สามารถทำสัญญาได้ และบังคับให้ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือต้องจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับสิทธิบัตร

หุ้นโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นคู่แข่งของบริษัทโฮม ดีโปท์ ปิดตลาดดิ่งลง 12% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาสแรกที่ระดับ 1.22 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.33 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นนอร์ดสตรอม ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 9.2% หลังจากบริษัทประกาศปรับลดคาดการณ์ยอดขายและกำไรในปีงบการเงิน 2562

หุ้นเทสลา มอเตอร์ ร่วงลง 6% หลังจากนักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปได้ปรับลดคาดการณ์ราคาหุ้นของเทสลา เช่นเดียวกับที่นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ที่ปรับลดคาดการณ์ราคาหุ้นของเทสลาในช่วงก่อนหน้านี้

หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 2.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า รายได้ต่อหุ้นของแอปเปิลจะทรุดตัวลง 29% หากสินค้าของบริษัทถูกแบนในประเทศจีน อันเนื่องมาจากการที่จีนตอบโต้สหรัฐหลังจากบริษัทหัวเว่ยถูกแบน

หุ้นทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่อีกรายหนึ่งของสหรัฐ พุ่งขึ้น 7.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาสแรกที่ระดับ 1.53 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.43 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นยัม ไชน่า โฮลดิ้ง ร่วงลง 3.12% หุ้น JD.com ปรับตัวลง 2.8% และหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง ร่วงลง 2.81%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้น 2.4% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับตัวลง

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ