ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มขนส่ง หลังจากบริษัทซีเอสเอ็กซ์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งทางรถไฟรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ อันเนื่องมาจากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ "Beige Book" ซึ่งระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,219.85 จุด ลดลง 115.78 จุด หรือ -0.42% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,984.42 จุด ลดลง 19.62 จุด หรือ -0.65% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,185.21 จุด ลดลง 37.59 จุด หรือ -0.46%
หุ้นซีเอสเอ็กซ์ ร่วงลง 10.3% ซึ่งเป็นการดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 2 ที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ และยังได้รับลดตัวเลขคาดการณ์รายได้ตลอดปี 2562 โดยระบุว่า ผลกระทบของข้อพิพาทการค้าเป็นสาเหตุที่ทำให้การใช้บริการด้านการขนส่งทางรถไฟปรับตัวลดลงในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
ทั้งนี้ การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นซีเอสเอ็กซ์ส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มขนส่งดิ่งลง 3.6% และได้ฉุดหุ้นบริษัทต่างๆในกลุ่มขนส่งปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นยูเนียน แปซิฟิก ร่วงลง 6.05% หุ้นนอร์ฟอล์ค เซาเทิร์น ดิ่งลง 7.45% หุ้นแคนซัส ซิตี้ เซาเทิร์น คอร์ป ร่วงลง 5% ส่วนหุ้นเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ซึ่งถือหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทบีเอ็นเอสเอฟ เรลเวย์นั้น ร่วงลง 2.4%
หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ปรับตัวลง 0.9% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ภายหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการ
หุ้นอเมซอน ปรับตัวลง 0.9% หลังจากมีรายงานว่า สหภาพยุโรป (EU) จะทำการสอบสวนบริษัทอเมซอนเพื่อพิจารณาว่า การที่อเมซอนใช้ข้อมูลทางการค้าจากผู้ค้าปลีกอิสระที่จำหน่ายสินค้าบนเว็บไซต์ของบริษัท ถือเป็นการละเมิดกฎระเบียบของ EU หรือไม่
หุ้นโบอิ้ง ดีดตัวขึ้น 1.8% ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX โดยรายงานล่าสุดระบุว่า โบอิ้งจะนำเงิน 50 ล้านดอลลาร์ หรือครึ่งหนึ่งจากกองทุนวงเงิน 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำไปชดเชยและเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ประสบอุบัติเหตุตกในอินโดนีเซียในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว และในเอธิโอเปียเมื่อเดือนมี.ค.ปีนี้ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 346 คน
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้นเพียง 0.7% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ที่ระดับ 74 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 71 เซนต์/หุ้น แต่รายได้อยู่ที่ระดับ 2.308 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.320 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันหลังจากเฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ภาคธุรกิจมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากข้อพิพาทการค้า และมีบริษัทจำนวนหนึ่งได้ย้ายสายการผลิตที่ใช้วัสดุนำเข้าจากจีน ไปยังประเทศอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากนโยบายภาษีของรัฐบาลสหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 0.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.253 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 จากระดับ 1.265 ล้านยูนิตในเดือนพ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะลดลงสู่ระดับ 1.261 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนก.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.จาก Conference Board และ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน