ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 389.73 จุด วิตกสงครามการค้า,การประท้วงในฮ่องกง

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 13, 2019 06:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งการชุมนุมประท้วงในฮ่องกง ขณะที่นักลงทุนจับตาท่าทีของจีนอย่างใกล้ชิดว่าจะใช้กำลังในการจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมในฮ่องกงหรือไม่ หลังจากที่จีนระบุว่าการประท้วงในฮ่องกงเริ่มทวีความรุนแรงและมีสัญญาณของการก่อการร้าย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,897.71 จุด ลดลง 389.73 จุด หรือ -1.48% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,883.09 จุด ลดลง 35.56 จุด หรือ -1.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,863.41 จุด ลดลง 95.73 จุด หรือ -1.20%

นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 10% คิดเป็นมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ และกระทรวงการคลังสหรัฐได้ระบุอย่างเป็นทางการว่า จีนเป็นประเทศที่ปั่นค่าเงิน ด้วยการปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงเพื่อหวังข้อได้เปรียบด้านการค้า โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ ธนาคารกลางจีนได้กำหนดอัตราค่ากลางของหยวนที่ระดับ 7.0211 หยวนต่อดอลลาร์ ซึ่งอ่อนค่าลงจากระดับของวันศุกร์

นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยังคงยืดเยื้อต่อไป และไม่มีแนวโน้มที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้า ขณะเดียวกัน โกลด์แมน แซคส์ยังได้ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐประจำไตรมาส 4 สู่ระดับ 1.8% จากเดิมที่ระดับ 2.0% โดยระบุถึงผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มากกว่าคาด

นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกงที่ได้ลุกลามออกไปจากเดิมที่เป็นการประท้วงร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน กลายเป็นการชุมนุมเรียกร้องให้นางแคร์รี ลัม ลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษฮ่องกง และเรียกร้องให้มีประชาธิปไตยในฮ่องกง รวมทั้งให้ฮ่องกงเป็นอิสระจากจีนแผ่นดินใหญ่

ทางด้านนายหยาง กวง โฆษกสำนักงานฝ่ายกิจการฮ่องกงและมาเก๊าในกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า "ฮ่องกงได้มาถึงทางแยกที่สำคัญ โดยกลุ่มผู้ประท้วงมักใช้เครื่องมือที่อันตรายในการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการก่ออาชญากรรมรุนแรง พร้อมกับมีสัญญาณการก่อการร้าย"

ทั้งนี้ การที่ทางการจีนใช้คำว่า "ก่อการร้าย" ถือเป็นการเตือนอย่างรุนแรงที่สุดต่อกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งอาจปูทางไปสู่การใช้กองกำลังความมั่นคงแห่งชาติของจีนในการปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุมในฮ่องกง โดยที่ผ่านมานั้น จีนได้เคยใช้ข้ออ้างของการก่อการร้ายในการกวาดล้างกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในซินเจียง และทิเบต ซึ่งทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากรัฐบาลของชาติตะวันตก และกลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชน

ราคาหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ร่วงลงทั้งหมด โดยหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน และกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลงหนักสุด โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 2.7% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 1.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 1.9 % หุ้นซิตี้กรุ๊ป ดิ่งลง 2.7% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 2.4% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 2.6%

ส่วนหุ้นในกลุ่มพลังงานนั้น หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม ร่วงลง 4.1% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ลดลง 0.5% หุ้นเอ็กซอนโมบิล ลดลง 0.5% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.7% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 2.2%

หุ้นทาเพสทรี ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Coach และหุ้นคาปรี ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Versace ดิ่งลง 3.9% และ 4.4% ตามลำดับ หลังจากโซเชียลมีเดียของจีนได้วิพากษ์วิจารย์ทั้งสองบริษัทว่าจำหน่ายเสื้อเชิร์ตที่แสดงรูปภาพของเกาะฮ่องกงและมาเก๊าในฐานะประเทศ แม้ว่าเขตปกครองพิเศษทั้งสองแห่งปกครองโดยจีนแผ่นดินใหญ่ก็ตาม

หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวผันผวน โดยหุ้น JD.com และหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ปรับตัวขึ้น 0.22% และ 0.11% ตามลำดับ ขณะที่หุ้น Ctrip.com International และหุ้น NetEase ร่วงลง 3.51% และ 3.19% ตามลำดับ

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนก.ค.จากสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB), ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค., ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนส.ค. จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีการผลิตเดือนส.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนส.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมิ.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ