ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานเกือบ 300 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ต่อเนื่องจากวันศุกร์ หลังมีข่าวว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐอาจขยายระยะเวลาในการอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีของจีน สามารถซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐได้อีก 90 วัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ณ เวลา 19.08 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 285 จุด หรือ 1.10% สู่ระดับ 26,192 จุด
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐไม่ได้เกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 2%
นักลงทุนพากันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น โดยได้ปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า จีนและเยอรมนีจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีดีดตัวเหนืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งจะบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปีดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่แล้วเช่นกัน หลุดระดับ 2% เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ขณะที่นักลงทุนพากันเข้าซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน ด้วยการกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เผชิญภาวะถดถอย และข้อพิพาททางการค้ากับจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ด้านนายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว แสดงความคิดเห็นในทางเดียวกันว่า เศรษฐกิจสหรัฐไม่มีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอยเช่นเดียวกัน ส่วนในเรื่องการเจรจาการค้ากับจีนนั้น ตัวแทนการค้าจากทั้งสองประเทศจะมีการหารือในอีก 10 วันข้างหน้า และหากการเจรจาดังกล่าวเป็นไปได้ด้วยดีแล้ว เขาก็จะเชิญเจ้าหน้าที่จีนมาที่สหรัฐเพื่อเจรจาอีกครั้งเพื่อหาข้อสรุป
นักลงทุนจับตาการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะมีขึ้นที่เมืองแจ็กสัน โฮลในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด อาจส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.