ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พลิกร่วงกว่า 100 จุด หลังจีนประกาศรีดภาษีตอบโต้สหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 23, 2019 19:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พลิกร่วงกว่า 100 จุด หลังจากที่จีนประกาศตอบโต้สหรัฐ ด้วยการเรียกเก็บภาษีสินค้า 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมทั้งรถยนต์สหรัฐ

ณ เวลา 19.34 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 112 จุด หรือ 0.43% สู่ระดับ 26,113 จุด หลังจากดีดตัวขึ้นในช่วงแรก

ทั้งนี้ สภาแห่งรัฐของจีน ซึ่งเป็นคณะรัฐมนตรีจีน แถลงว่า จีนจะเรียกเก็บภาษี 5-10% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการเก็บภาษี 2 รอบ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค.

นอกจากนี้ จีนจะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐ และเก็บภาษี 5% ต่อชิ้นส่วนรถยนต์สหรัฐ โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 ธ.ค.

มาตรการตอบโต้ดังกล่าว มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษี 10% ต่อสินค้านำเข้าจากจีน วงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์ โดยมีผลในวันที่ 1 ก.ย. แม้ว่าต่อมาปธน.ทรัมป์ตัดสินใจชะลอการขึ้นภาษีสินค้าจีนบางส่วนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของชาวสหรัฐในช่วงเทศกาลคริสต์มาส

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิ่ง ในวันนี้ เวลา 10.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.00 น.ตามเวลาไทย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า นายพาวเวลจะใช้เวทีการประชุมดังกล่าว ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.

ขณะนี้ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่ามีแนวโน้มกว่า 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนก.ย.

สำหรับการประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในปีนี้ จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 22-24 ส.ค. ภายใต้หัวข้อ "ความท้าทายสำหรับนโยบายการเงิน" หรือ Challenges for Monetary Policy และการประชุมในครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการให้เฟดเร่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยในการประชุมนโยบายการเงินครั้งล่าสุดของเฟดเมื่อวันที่ 30-31 ก.ค. ปธน.ทรัมป์ได้แสดงความไม่พอใจที่นายพาวเวลไม่ได้ส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคต หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% ในการประชุมวันดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ