(REPEAT) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดบวก 41.03 จุด นลท.คลายวิตกการค้า,ข้อมูลศก.ไร้ทิศทาง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 2, 2019 06:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (30 ส.ค.) หลังจากนักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ไร้ทิศทาง และคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ก่อนที่ตลาดจะหยุดยาวในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันจันทร์ เนื่องในวันแรงงานสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,403.28 จุด เพิ่มขึ้น 41.03 จุด หรือ +0.16% และ ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,926.46 จุด เพิ่มขึ้น 1.88 จุด หรือ +0.06% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,962.88 จุด ลดลง 10.51 จุด หรือ -0.13%

ตลาดได้แรงหนุนหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนในระดับต่างๆ ได้จัดการเจรจาการค้าในวันพฤหัสบดี ขณะที่การเจรจาจะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ของจีน เปิดเผยว่า จีนและสหรัฐกำลังหารือกันเกี่ยวกับการจัดการเจรจาการค้าในเดือนก.ย.

ราคาหุ้นเทสลาพุ่งขึ้น 1.76% หลังจากที่จีนประกาศยกเว้นการเรียกเก็บภาษีซื้อรถยนต์สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลา โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและสารสนเทศของจีนได้ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางกระทรวงได้ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาในรุ่น Model 3 Model S และ Model X

หุ้นส่วนใหญ่ใน 30 ตัวของดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในช่วงปิดตลาด โดยหุ้นอินเทลที่อ่อนไหวต่อการค้า นำตลาดพุ่งขึ้น 1.15%

หุ้นแคเทอร์พิลลาร์ อิงค์ และ หุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ภาวะการค้า ปรับตัวขึ้น 1.04% และ 0.4% ตามลำดับ

หุ้น 6 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P ปิดตลาดในแดนบวก โดยกลุ่มวัสดุ นำตลาดบวก 0.6%

หุ้นเดลล์ เทคโนโลยีส์ พุ่งขึ้น 10.18% หลังรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ โดยได้แรงหนุนจากยอดขายที่แข็งแกร่งสำหรับผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย.

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ดีดตัวขึ้น 1.4% ในเดือนก.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนมิ.ย.

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% เช่นกันในเดือนมิ.ย.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐาน แตะระดับ 1.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6% เช่นกันในเดือนมิ.ย.

ส่วนผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงแตะระดับ 89.8 ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 92.1 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 97.0 จากระดับ 98.4 ในเดือนก.ค.

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดิ่งลงในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2555 โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ