ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ขานรับข่าว"ทรัมป์"เตรียมทำข้อตกลงการค้าชั่วคราวกับจีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 12, 2019 21:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุดในวันนี้ ขานรับข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังทำข้อตกลงการค้าชั่วคราวกับจีน

ณ เวลา 21.30 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,267.32 จุด บวก 130.28 จุด หรือ 0.48%

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาทำข้อตกลงการค้าฉบับชั่วคราวกับจีน ซึ่งจะชะลอการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน

แหล่งข่าวระบุว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะรวมถึงคำมั่นสัญญาจากจีนในการยุติการขโมยทรัพย์สินทางปัญญา

ขณะนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนกำลังร่างรายละเอียดของข้อตกลงฉบับดังกล่าว

ปธน.ทรัมป์ยังระบุว่า จีนจะเริ่มซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐในจำนวนมาก

ทั้งนี้ ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้คลี่คลายลง หลังจากที่ปธน.ทรัมป์ประกาศเลื่อนการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2.50 แสนล้านดอลลาร์ จากวันที่ 1 ต.ค. ไปเป็นวันที่ 15 ต.ค. ขณะที่รัฐบาลจีนได้ประกาศรายชื่อสินค้าจำนวน 16 รายการของสหรัฐที่จะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 17 ก.ย. เป็นเวลา 1 ปีจนถึงวันที่ 16 ก.ย.2563

ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า ปธน.ทรัมป์สามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนในเวลาใดก็ได้ แต่สหรัฐต้องการได้ข้อตกลงที่ดีที่สุดสำหรับแรงงานอเมริกัน

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ทั้งนี้ ECB จัดการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.50% จากเดิมที่ระดับ -0.40% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%

นอกจากนี้ ECB ระบุว่า จะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันต่อไป หรือปรับลดลง จนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ใกล้ แต่ไม่เกินระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของ ECB

ขณะเดียวกัน ECB แถลงว่า จะรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนพ.ย. ซึ่ง ECB จะซื้อพันธบัตรในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร/เดือน โดยยังไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุดโครงการ

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 15,000 ราย สู่ระดับ 204,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 215,000 ราย

นอกจากนี้ การลดลงของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.

กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค.

การชะลอตัวของดัชนี CPI ทั่วไปได้รับแรงกดดันจากการดิ่งลงของราคาพลังงาน

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ทั่วไปเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนก.ค.

หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 ปี และเป็นการเพิ่มขึ้น 0.3% ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3

การดีดตัวขึ้นของดัชนี CPI พื้นฐานได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาตั๋วเครื่องบิน, รถยนต์มือสอง รวมทั้งการใช้จ่ายด้านการรักษาสุขภาพ

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนก.ค.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI พื้นฐานจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบรายปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ