ดาวโจนส์ร่วงต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่ง 100 จุด ปัจจัยการเมืองสหรัฐฉุดตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 26, 2019 22:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดดิ่งลง 100 จุด โดยถูกกดดันจากปัจจัยการเมืองในสหรัฐ หลังมีการเผยแพร่รายงานของผู้แจ้งเบาะแสกล่าวหาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับการใช้อำนาจในทางมิชอบเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

ณ เวลา 22.04 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,869.75 จุด ลบ 100.96 จุด หรือ 0.37%

หุ้นกลุ่มชิปร่วงลงนำตลาดในวันนี้

ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการข่าวกรองประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ทำการเผยแพร่รายงานของผู้แจ้งเบาะแสรายหนึ่งที่ได้กล่าวโทษประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กรณีติดต่อรัฐบาลต่างชาติเพื่อให้แทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ

รายงานดังกล่าวระบุว่า ปธน.ทรัมป์ได้ใช้อำนาจขณะดำรงตำแหน่งเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลต่างชาติเข้าแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2563

รายงานฉบับนี้ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการที่ปธน.ทรัมป์ได้โทรศัพท์หานายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ซึ่งปธน.ทรัมป์ได้กดดันให้นายเซเลนสกีทำการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน

ทั้งนี้ นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ หากปธน.ทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย

ทางด้านนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศการเริ่มกระบวนการไต่สวนอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ เพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายเซเลนสกี เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายไบเดน ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้า โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า บริษัทจีนได้ทำข้อตกลงในการสั่งซื้อถั่วเหลืองและเนื้อสุกรจำนวนมากจากสหรัฐ

คำแถลงของนายเกามีขึ้น หลังจากที่แหล่งข่าวระบุก่อนหน้านี้ว่า จีนได้สั่งนำเข้าถั่วเหลืองจำนวน 600,000 ตันจากสหรัฐ หลังการเจรจาการค้าในระดับรัฐมนตรีช่วยระหว่างสหรัฐและจีนที่กรุงวอชิงตัน

ถั่วเหลืองจำนวน 600,000 ตันดังกล่าว ถือเป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่ที่จีนปรับเพิ่มภาษีที่เรียกเก็บจากถั่วเหลืองที่นำเข้าจากสหรัฐสู่ระดับ 25% ในเดือนก.ค.ปีที่แล้ว เพื่อตอบโต้สหรัฐที่ได้เพิ่มภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน

การที่จีนสั่งซื้อถั่วเหลืองดังกล่าว ถือเป็นการส่งสัญญาณบวกต่อการบรรลุข้อตกลงการค้าในการเจรจาในระดับรัฐมนตรีระหว่างสหรัฐและจีนที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงการค้ากับจีนเร็วกว่าที่คาดไว้

"จีนจะไม่มีทางตามเราทัน ถ้าเรามีผู้นำที่ฉลาด เรามีรายได้เข้ามาหลายล้านล้านดอลลาร์ และพวกเขาสูญเสียหลายล้านล้านดอลลาร์ ทำให้พวกเขาต้องการทำข้อตกลงเป็นอย่างมาก โดยสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คุณคิดไว้" ปธน.ทรัมป์กล่าว

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2/2562 ที่ระดับ 2.0% สอดคล้องกับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 หลังจากที่เศรษฐกิจขยายตัว 3.1% ในไตรมาส 1/2562 และ 2.6% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 2.5% ในปีนี้ ต่ำกว่าเป้าหมายที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตั้งไว้ที่ระดับ 3%

ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวติดต่อกันเป็นปีที่ 11 แต่การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุน และการผลิตของภาคธุรกิจ ถึงแม้ว่าการบริโภคทะยานขึ้น

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 3,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 212,000 ราย

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 750 ราย สู่ระดับ 212,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ