ดาวโจนส์พลิกร่วงแดนลบ หลังมีข่าวสหรัฐเตรียมจำกัดการลงทุนในจีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 27, 2019 23:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงสู่แดนลบ หลังมีข่าวว่า สหรัฐเตรียมจำกัดการลงทุนในจีน และปลดบริษัทจีนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ

ณ เวลา 23.24 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,882.70 จุด ลบ 8.42 จุด หรือ 0.03% หลังดีดตัวกว่า 100 จุดในช่วงแรก

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาที่จะจำกัดการลงทุนของสหรัฐในจีน และปลดบริษัทจีนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ

ทั้งนี้ บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวกำลังพิจารณาที่จะจำกัดพอร์ทการลงทุนของนักลงทุนสหรัฐในจีน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะสร้างความตื่นตระหนกในตลาดการเงิน และส่งผลกระทบต่อการลงทุนวงเงินหลายพันล้านดอลลาร์ที่เกี่ยวข้องกับดัชนีหุ้น

บลูมเบิร์กยังรายงานว่า แนวทางหนึ่งในการจำกัดการลงทุนของสหรัฐในจีน คือการปลดบริษัทจีนออกจากการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ และจำกัดการลงทุนของกองทุนบำนาญของรัฐบาลสหรัฐในตลาดจีน

ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนคาดหวังว่าจะมีความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในเดือนหน้า

แหล่งข่าวระบุว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะมีขึ้นในวันที่ 10-11 ต.ค.นี้ ที่กรุงวอชิงตัน ขณะที่นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้าของจีน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะสามารถทำข้อตกลงการค้ากับจีนเร็วกว่าที่คาดไว้

"จีนจะไม่มีทางตามเราทัน ถ้าเรามีผู้นำที่ฉลาด เรามีรายได้เข้ามาหลายล้านล้านดอลลาร์ และพวกเขาสูญเสียหลายล้านล้านดอลลาร์ ทำให้พวกเขาต้องการทำข้อตกลงเป็นอย่างมาก โดยสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คุณคิดไว้" ปธน.ทรัมป์กล่าว

ทางด้านนายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยว่า บริษัทจีนได้ทำข้อตกลงในการสั่งซื้อถั่วเหลืองและเนื้อสุกรจำนวนมากจากสหรัฐ

คำแถลงของนายเกามีขึ้น หลังจากที่แหล่งข่าวระบุก่อนหน้านี้ว่า จีนได้สั่งนำเข้าถั่วเหลืองจำนวน 600,000 ตันจากสหรัฐ หลังการเจรจาการค้าในระดับรัฐมนตรีช่วยระหว่างสหรัฐและจีนที่กรุงวอชิงตัน

ถั่วเหลืองจำนวน 600,000 ตันดังกล่าว ถือเป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่ที่จีนปรับเพิ่มภาษีที่เรียกเก็บจากถั่วเหลืองที่นำเข้าจากสหรัฐสู่ระดับ 25% ในเดือนก.ค.ปีที่แล้ว เพื่อตอบโต้สหรัฐที่ได้เพิ่มภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน

การที่จีนสั่งซื้อถั่วเหลืองดังกล่าว ถือเป็นการส่งสัญญาณบวกต่อการบรรลุข้อตกลงการค้าในการเจรจาในระดับรัฐมนตรีระหว่างสหรัฐและจีนที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาปัจจัยการเมืองในสหรัฐ โดยนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ประกาศการเริ่มกระบวนการไต่สวนอย่างเป็นทางการเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากตำแหน่ง หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยหน้า โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนส.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค.

การใช้จ่ายของผู้บริโภคได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อรถยนต์ และสินค้าด้านสันทนาการ ขณะที่การใช้จ่ายในร้านอาหารและโรงแรมลดลง

นอกจากนี้ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทรงตัวในเดือนส.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนส.ค. โดยเพิ่มขึ้น 1.4% เป็นเดือนที่ 4

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐยังเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 2.0% ในเดือนก.ค.

การชะลอตัวของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนส.ค. ได้รับผลกระทบจากการลดลงของคำสั่งซื้อเครื่องบิน และรถยนต์

ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ลดลง 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากทรงตัวในเดือนก.ค.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานทรงตัวในเดือนส.ค.

เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ