ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกการค้าสหรัฐ-จีน, ข้อมูลเศรษฐกิจยุโรปอ่อนแอ

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) โดยถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ขณะที่การเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเยอรมนีที่ขยายตัวน้อยลงในไตรมาส 3/2562 และข้อมูลยอดค้าปลีกของอังกฤษที่ลดลง ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วย

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.36% ปิดที่ 404.41 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,901.08 จุด ลดลง 6.00 จุด หรือ -0.10%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,180.23 จุด ลดลง 49.84 จุด หรือ -0.38% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,292.76 จุด ลดลง 58.45 จุด หรือ -0.80%

ตลาดยังคงถูกกดดันจากความไม่แน่นอนในการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ขณะที่สหรัฐเรียกร้องให้จีนซื้อสินค้าเกษตรมากขึ้น และจีนปฏิเสธเงื่อนไขของสหรัฐที่ต้องการให้จีนยุติการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี และจีนยังเรียกร้องให้สหรัฐระงับการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ก่อนที่จะมีการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกด้วย

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกถ่วงลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งเยอรมนี (FSO) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2562 ขยายตัวเพียง 0.1% ซึ่งชะลอลงจากไตรมาส 2 แม้สวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดไว้ว่าจะหดตัวลง 0.1% ก็ตาม

ส่วนสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

หุ้นเดมเลอร์ ร่วง 4.48% หลังเปิดเผยว่า ผลกำไรของบริษัทในปี 2563 และ 2564 จะได้รับผลกระทบจากความพยายามในการบรรลุเป้าหมายมาตรฐานการปล่อยมลพิษจากไอเสียที่เข้มงวดมากขึ้น พร้อมทั้งระบุว่า บริษัทจะทำการปรับลดจำนวนพนักงานลงด้วย

หุ้นเรโนลต์ ปรับตัวลง 1.46%

หุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภค, กลุ่มเฮลธ์แคร์ และ กลุ่มเทเลคอม เริ่มปรับตัวลง โดยหุ้นโวดาโฟนของอังกฤษ ร่วง 3.31% , หุ้นซาโนฟีของฝรั่งเศส ลบ 1.55% และหุ้นเมอร์คของเยอรมนี ลดลง 3.28%