ดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก นักลงทุนจับตาคืบหน้าเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 22, 2019 20:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 20.24 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 42 จุด หรือ 0.15% สู่ระดับ 27,790 จุด

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่า จีนจะร่วมมือกับสหรัฐในการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกบนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน และความเท่าเทียมกัน และจีนไม่วิตก หากถึงคราวจำเป็นที่จะต้องต่อสู้กลับ

นายไมรอย บริลเลียน รองประธานสภาหอการค้าสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐและจีนจะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเฟสแรกก่อนถึงเส้นตายการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนในวันที่ 15 ธ.ค.

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และเป็นหัวหน้าคณะเจรจาการค้าของจีน ได้เชิญนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เข้าร่วมการเจรจาการค้ารอบใหม่ที่กรุงปักกิ่ง

ทั้งนี้ นายหลิวได้เชิญนายมนูชิน และนายไลท์ไฮเซอร์ในระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์ในสัปดาห์ที่แล้ว โดยหวังว่าการเจรจาดังกล่าวจะมีขึ้นก่อนวันพฤหัสบดีหน้า ซึ่งเป็นวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐ

นอกจากนี้ วอลล์สตรีท เจอร์นัลระบุว่า เจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐต้องการให้จีนให้คำมั่นสัญญาเกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐ, ยกเลิกการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี และยืนยันการซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐ ก่อนที่จะมีการเจรจาครั้งใหม่

"ผมเคยอธิบายให้คุณเหอฟังว่า 'คุณควรจะต้องอะลุ่มอล่วยบ้าง' โดยจีนจะต้องยื่นข้อเสนอมากขึ้นในการทำข้อตกลงขั้นสุดท้าย" นายบริลเลียนกล่าว

"นี่เป็นครั้งที่ 6 ที่ผมได้นั่งลงคุยกับคุณเหอในรอบ 2 ปี ซึ่งผมบอกเขาว่า อย่าเรียกร้องมากเกินไป โดยจีนต้องการให้สหรัฐยกเลิกการจัดเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้า ซึ่งภาคธุรกิจของสหรัฐก็ต้องการเช่นนั้น แต่เราจะไม่เห็นการยกเลิกภาษีทั้งหมดหลังการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรก" เขากล่าว

หนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า เจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐและจีนกำลังใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก

แหล่งข่าวระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นกำหนดวันที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ แต่ถึงแม้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนวันดังกล่าว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็มีแนวโน้มที่จะเลื่อนการจัดเก็บภาษีดังกล่าวออกไป เนื่องจากไม่ต้องการให้ผู้บริโภคของสหรัฐได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่จะพุ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน หากมีการเรียกเก็บภาษีจากจีน ขณะที่ใกล้กับช่วงเทศกาลช็อปปิ้งของสหรัฐ

นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานเฟด กล่าวว่า ถึงแม้เศรษฐกิจสหรัฐจะยังไม่ประสบภาวะถดถอยในเร็วๆนี้ แต่ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจกำลังเพิ่มมากขึ้น

"ดิฉันพนันได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะยังไม่ถดถอยในปีหน้า แต่โอกาสในการเกิดภาวะถดถอยได้สูงกว่าปกติ และอยู่ในระดับที่ดิฉันไม่สบายใจ" นางเยลเลนกล่าว

"เนื่องจากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้งในปีนี้แล้ว ทำให้เฟดเหลือกระสุนไม่มากนักในระดับที่ดิฉันอยากเห็นในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ต้องกังวล" อดีตประธานเฟดกล่าว

นางเยลเลนยังกล่าวว่า ความไม่เท่าเทียมกันด้านความมั่งคั่งในสังคมอเมริกันกำลังเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังอยู่ในภาวะแข็งแกร่งในขณะนี้

นางเยลเลนชี้ว่าการกระจายความมั่งคั่งที่ไม่เท่าเทียมกันในสังคมอเมริกันกำลังกลายเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม โดยกลุ่มบุคคลที่มีรายได้สูงที่สุด และกลุ่มที่มีการศึกษาสูงกว่าระดับไฮสกูล ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวยาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์

นางเยลเลนยังกล่าวว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภค เนื่องจากทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น และสร้างความไม่แน่นอนในตลาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ