ดาวโจนส์พุ่งกว่า 200 จุด ทะลุ 28,000 ทำนิวไฮ คาดสหรัฐ-จีนบรรลุดีลก่อนเส้นตาย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 12, 2019 22:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด ทะลุ 28,000 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งสหรัฐมีกำหนดเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้าจีน

ณ เวลา 22.06 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,183.35 จุด บวก 272.05 จุด หรือ 0.97%

ราคาหุ้นของสายการบินเดลต้า แอร์ไลน์พุ่งขึ้นเกือบ 2% ในวันนี้ ขานรับคาดการณ์รายได้ของทางบริษัท

ทั้งนี้ เดลต้า ซึ่งเป็นสายการบินสหรัฐที่มีผลกำไรมากที่สุด คาดการณ์ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 6% ในปีหน้า สู่ระดับ 4.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่กำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ระดับ 6.75-7.75 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.03 ดอลลาร์

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า สหรัฐใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน ขณะที่ใกล้เส้นตายในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้าจีน

"เรากำลังใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงครั้งใหญ่กับจีน พวกเขาต้องการทำข้อตกลง เช่นเดียวกับเรา" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความดังกล่าว ขณะที่เขามีกำหนดประชุมกับบรรดาที่ปรึกษาการค้าระดับสูงในวันนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนการเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ที่มีกำหนดในวันที่ 15 ธ.ค.

เจ้าหน้าที่การค้าที่จะเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวมีทั้งสายเหยี่ยว ซึ่งจะสนับสนุนให้ปธน.ทรัมป์เดินหน้าจัดเก็บภาษีต่อสินค้าจีน โดยอ้างว่าการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและผู้บริโภคแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้แก่ นายปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาประจำทำเนียบขาว ส่วนเจ้าหน้าที่สายพิราบ ซึ่งจะแนะนำให้ปธน.ทรัมป์หลีกเลี่ยงการเก็บภาษีต่อสินค้าจีน ได้แก่ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ, นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ รวมทั้งนายแลร์รี คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว

นายนาวาร์โรระบุว่า การที่จีนเพิ่มการซื้อถั่วเหลืองและเนื้อสุกรจากสหรัฐในระยะนี้ มีสาเหตุเพียงเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนภายในประเทศ ขณะที่จีนกำลังประสบกับปัญหาโรคไข้หวัดหมู และการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าจีนจะไม่กระทบตลาดหุ้น และเศรษฐกิจสหรัฐ

"สิ่งที่เขาจะกล่าวก็คือการขึ้นภาษีจะไม่เจ็บปวด มีคนบอกว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา จะทำให้ฟ้าถล่มทลาย แต่ตอนนี้เราก็ไม่เห็นฟ้าถล่มทลายแต่อย่างใด" แหล่งข่าวกล่าว

ทางด้านนายเดเรค ซิสเซอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนจากสถาบันวิสาหกิจสหรัฐ (AEI) ซึ่งให้คำปรึกษาต่อเจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาว กล่าวว่า เขาเชื่อว่าผลการประชุมในวันนี้ที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ ปธน.ทรัมป์จะตัดสินใจชะลอการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนออกไปอีก 90 วัน จากเดิมที่สหรัฐมีกำหนดเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์ในวันที่ 15 ธ.ค

ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 49,000 ราย แตะระดับ 252,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2560 และเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2560 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 213,000 ราย

ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 203,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ทรงตัว หรือเพิ่มขึ้น 0% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากพุ่งขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค.

ดัชนี PPI ได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวของราคาพลังงานและอาหาร แต่ถูกหักล้างจากการปรับตัวลงของราคาในภาคบริการ

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนพ.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.1% เช่นกันในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2559


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ