ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลดช่วงบวกในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงแรก ขณะที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อข่าวการบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน เนื่องจากยังคงไม่มีการยืนยันจากทางการจีน ก่อนถึงเส้นตายในวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งสหรัฐจะเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ต่อสินค้าจีน
ณ เวลา 20.31 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 84 จุด หรือ 0.30% สู่ระดับ 28,210 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงในหลักการสำหรับการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนแล้ว ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 15 ธ.ค.นี้
แหล่งข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้อนุมัติในหลักการแล้วสำหรับการทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน ซึ่งจะทำให้จีนรอดพ้นจากการถูกเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มอีก 15% วงเงินราว 1.60 แสนล้านดอลลาร์ที่กำหนดไว้ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้
แหล่งข่าวระบุว่า ข้อตกลงที่บรรดาที่ปรึกษาด้านการค้าได้ยื่นให้ปธน.ทรัมป์อนุมัตินั้น ครอบคลุมถึงการที่จีนให้คำมั่นสัญญาว่าจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังมีการหารือกันเกี่ยวกับการลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนซึ่งมีผลบังคับใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า เงื่อนไขต่างๆ ของข้อตกลงได้รับความเห็นชอบแล้วจากทั้งสองฝ่าย
อย่างไรก็ดี สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ทางการจีนยังคงมีท่าทีที่นิ่งเฉย แม้ว่าฝ่ายสหรัฐประโคมข่าวว่าใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีนแล้ว และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้การอนุมัติในหลักการต่อข้อตกลงดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ สื่อทางการของรัฐบาลจีนต่างก็ยังไม่มีการแสดงความเห็นต่อข่าวดังกล่าว ส่วนกระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์แต่เพียงว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะต้องให้ผลประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย
แหล่งข่าวระบุว่า จีนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเลขเป้าหมายที่สหรัฐตั้งไว้ให้จีนซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐ โดยจีนให้คำมั่นสัญญาว่าจะซื้อในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ปธน.ทรัมป์ต้องการให้จีนซื้อในวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังระบุว่า การซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐจะทำให้จีนเกิดความขัดแย้งกับประเทศคู่ค้าอื่นๆ และจีนยังกังวลว่าปธน.ทรัมป์อาจกลับลำหันมาเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนอีก แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกแล้ว