ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 233.92 จุด เหตุนลท.วิตกความตึงเครียดในตะวันออกกลาง

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday January 4, 2020 06:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) โดยนักลงทุนเทขายหุ้นออกมา เนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากที่สหรัฐได้สังหารผู้นำทหารระดับสูงของอิหร่านจากการเปิดฉากโจมตีทางอากาศที่สนามบินนานาชาติกรุงแบกแดดของอิรักในช่วงเช้าวันศุกร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,634.88 จุด ร่วงลง 233.92 จุด หรือ -0.81%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,234.85 จุด ลดลง 23.00 จุด หรือ -0.71% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,020.77 จุด ลดลง 71.42 จุด หรือ -0.79%

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 0.04% และดัชนี S&P500 ลดลง 0.16% ขณะที่ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.16%

ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังสหรัฐได้ใช้ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงแบกแดดของอิรักในช่วงเช้าวันศุกร์ ส่งผลให้นายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ของอิหร่าน และนายอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส รองผู้นำกองกำลังฮาชด์ชาบี (Hashd Shaabi) ของอิรัก เสียชีวิต

ทางด้านอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ประกาศพร้อมตอบโต้สหรัฐ ขณะที่นายอาเดล อับดุล มาห์ดี รักษาการนายกรัฐมนตรีอิรัก กล่าวประณามการโจมตีดังกล่าว โดยมองว่าเป็นการแสดงความก้าวร้าวต่อรัฐบาลและชาวอิรัก

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นสวนทางตลาดขานรับราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้นมากกว่า 2% ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น

ราคาหุ้นสายการบินอเมริกัน แอร์ไลนส์, ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส และ เดลตา แอร์ไลน์ส ร่วงลง 4.95%, 2.05% และ 1.66% ตามลำดับ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ได้แก่ ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 47.2 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 จากระดับ 48.1 ในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 49.0 โดยดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 5 โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนต.ค. และเมื่อเทียบรายปี การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 4.1% ในเดือนพ.ย.

สำหรับการใช้จ่ายในโครงการก่อสร้างของภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 0.4% ส่วนการใช้จ่ายในโครงการภาคสาธารณะเพิ่มขึ้น 0.9%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ