ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งกว่า 100 จุด หลังวอลล์สตรีทดิ่งหนักสัปดาห์ที่แล้ว ผวาไวรัสระบาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 3, 2020 20:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะฟื้นตัวขึ้นในคืนนี้ หลังจากดิ่งลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ณ เวลา 20.23 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 132 จุด หรือ 0.47% สู่ระดับ 28,321 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 600 จุดเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ รวมทั้งการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ และผลประกอบการที่ไร้ทิศทางของบริษัทจดทะเบียน

ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาด พุ่งขึ้นกว่า 37% เหนือระดับ 19 จุดในเดือนม.ค. จากระดับ 13.78 ก่อนหน้านี้

นักลงทุนจับตาปัจจัยการเมืองสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการที่วุฒิสภาสหรัฐเตรียมลงมติต่อญัตติถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส ตามคำเชิญของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์จะกล่าวสุนทรพจน์ในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าวันพุธ เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย

การกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์ต่อสภาคองเกรสในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการแถลงนโยบายของเขาต่อวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเป็นครั้งที่ 3 ของเขา ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลก โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ต่อชาวสหรัฐทั่วประเทศ ขณะที่สำนักข่าว CNN จะออกอากาศสดไปทั่วโลกเช่นกัน

คาดว่าปธน.ทรัมป์จะเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงความสำเร็จ และผลงานของรัฐบาลสหรัฐในปีที่แล้ว พร้อมกับกล่าวถึงสิ่งที่เขาจะดำเนินการต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือของการดำรงตำแหน่งของเขาในปีนี้ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์จะใช้โอกาสในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ กล่าวปกป้องตัวเขาจากคดีถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ก่อนที่วุฒิสภาจะลงมติต่อญัตติถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่งในวันพุธ เวลา 16.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือวันพฤหัสบดี เวลา 04.00 น.ตามเวลาไทย

อย่างไรก็ดี คาดว่าวุฒิสภาจะลงมติคัดค้านการถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ขณะที่การลงมติจำเป็นต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของวุฒิสมาชิกจำนวน 100 คน ส่งผลให้พรรคเดโมแครตมีแนวโน้มประสบความพ่ายแพ้ในความพยายามถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง

ก่อนหน้านี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.เห็นชอบต่อการถอดถอนปธน.ทรัมป์ใน 2 ข้อหา ซึ่งได้แก่ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส ซึ่งทำให้ปธน.ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 3 ที่ถูกสภาผู้แทนฯ ลงมติถอดถอนอย่างเป็นทางการ และเผชิญกับการไต่สวนในวุฒิสภา

นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้เริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ

นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ ซึ่งหากนายไบเดนถูกสกัดให้ออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ