ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันนี้ โดยตลาดหุ้นวอลล์สตรีทฟื้นตัวขึ้น หลังจากดิ่งลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ณ เวลา 22.01 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,594.42 จุด บวก 338.39 จุด หรือ 1.20%
นักลงทุนพากันช้อนซื้อหุ้นที่ทรุดตัวลงในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่หุ้นไนกี้ทะยานขึ้นเกือบ 4% นำตลาดวันนี้
ทางด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) ไม่แนะนำให้ประเทศต่างๆระงับเที่ยวบินไปจีนในความพยายามสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO กล่าวว่า ประเทศต่างๆไม่ควรใช้มาตรการที่ไม่มีความจำเป็นในการแทรกแซงการเดินทางระหว่างประเทศและการค้าเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
"เราขอเรียกร้องให้ทุกประเทศทำการตัดสินใจโดยอิงจากหลักฐานที่ปรากฎ" นายแพทย์ทีโดรสกล่าวต่อคณะกรรมการของ WHO
ทั้งนี้ จีนกำลังเผชิญกับการถูกโดดเดี่ยวจากประเทศต่างๆทั่วโลก ขณะที่นานาชาติพากันส่งเครื่องบินเพื่อรับพลเมืองออกจากจีน และห้ามชาวจีนเดินทางเข้าประเทศ
นักลงทุนจับตาปัจจัยการเมืองสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการที่วุฒิสภาสหรัฐเตรียมลงมติต่อญัตติถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เตรียมแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส ตามคำเชิญของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์จะกล่าวสุนทรพจน์ในวันพรุ่งนี้ เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าวันพุธ เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย
การกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์ต่อสภาคองเกรสในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการแถลงนโยบายของเขาต่อวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเป็นครั้งที่ 3 ของเขา ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลก โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ต่อชาวสหรัฐทั่วประเทศ ขณะที่สำนักข่าว CNN จะออกอากาศสดไปทั่วโลกเช่นกัน
คาดว่าปธน.ทรัมป์จะเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงความสำเร็จ และผลงานของรัฐบาลสหรัฐในปีที่แล้ว พร้อมกับกล่าวถึงสิ่งที่เขาจะดำเนินการต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือของการดำรงตำแหน่งของเขาในปีนี้ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์จะใช้โอกาสในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ กล่าวปกป้องตัวเขาจากคดีถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ก่อนที่วุฒิสภาจะลงมติต่อญัตติถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่งในวันพุธ เวลา 16.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือวันพฤหัสบดี เวลา 04.00 น.ตามเวลาไทย
อย่างไรก็ดี คาดว่าวุฒิสภาจะลงมติคัดค้านการถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ขณะที่การลงมติจำเป็นต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของวุฒิสมาชิกจำนวน 100 คน ส่งผลให้พรรคเดโมแครตมีแนวโน้มประสบความพ่ายแพ้ในความพยายามถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง
ก่อนหน้านี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.เห็นชอบต่อการถอดถอนปธน.ทรัมป์ใน 2 ข้อหา ซึ่งได้แก่ การใช้อำนาจในทางมิชอบ และขัดขวางกระบวนการสอบสวนของสภาคองเกรส ซึ่งทำให้ปธน.ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 3 ที่ถูกสภาผู้แทนฯ ลงมติถอดถอนอย่างเป็นทางการ และเผชิญกับการไต่สวนในวุฒิสภา
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้เริ่มกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ทรัมป์อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว หลังจากมีรายงานว่า ปธน.ทรัมป์ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อกดดันให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และบุตรชายของเขา ซึ่งมีการทำธุรกิจในยูเครน โดยการกระทำดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเปิดทางให้รัฐบาลต่างชาติเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
นายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของปธน.ทรัมป์ ซึ่งหากนายไบเดนถูกสกัดให้ออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. ปธน.ทรัมป์ก็มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย