ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 400 จุดในวันนี้ ต่อเนื่องจากที่ดีดตัววานนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ณ เวลา 21.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,803.61 จุด บวก 403.80 จุด หรือ 1.42%
แหล่งข่าวระบุว่า ธนาคารกลางจีนกำลังเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้าชั้นดี (LPR) ในวันที่ 20 ก.พ. และจะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน (RRR) ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
"ขณะนี้ ธนาคารกลางใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และจะดำเนินการทีละขั้นตอน ขณะที่จะจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว" แหล่งข่าวระบุทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงิน 4 แสนล้านหยวนเข้าสู่ระบบการเงินในวันนี้ นอกเหนือจากที่ได้อัดฉีด 1.2 ล้านล้านหยวนผ่านทางข้อตกลง reverse repo เมื่อวานนี้
นายราฟาเอล บอสติค ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ไม่ได้เปลี่ยนมุมมองของเขาที่มีต่อนโยบายการเงิน และภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ
"หากเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นระดับโลก โดยส่งผลกระทบต่อหลายประเทศ ก็จะถือเป็นเหตุการณ์พิเศษที่จะแตกต่างออกไปจากที่ผมเข้าใจในขณะนี้ แต่เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ในอดีตของเราที่เคยเจอเรื่องเหล่านี้มาก่อน ผมไม่คิดว่ามันจะเปลี่ยนแปลงมุมมอง หรือการคาดการณ์ของผมต่อทิศทางการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเรา" นายบอสติคกล่าว"เราได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยมาแล้ว 3 ครั้ง และกำลังส่งผลต่อเศรษฐกิจ ดังนั้นเราจะรอดูต่อไป ซึ่งนั่นถือเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมาก และจะทำให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์แพร่ระบาดในครั้งนี้" เขากล่าวนอกจากนี้ นายบอสติคยังกล่าวว่า "ขณะที่เงินเฟ้อยังคงมีเสถียรภาพ และการจ้างงานใกล้เต็มศักยภาพ บรรดาผู้นำในภาคธุรกิจไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะเปลี่ยนแปลงแผนการจ้างงานและการลงทุน ดังนั้นจึงเป็นการส่งสัญญาณให้ผมว่า เศรษฐกิจจะยังคงเดินหน้าต่อไป"
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดกำลังจับตาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างใกล้ชิด และแม้เขาคาดว่าการระบาดดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน แต่ก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ตลาดจับตาการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต่อสภาคองเกรส ตามคำเชิญของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์จะกล่าวสุนทรพจน์ในคืนวันนี้ เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย ในหัวข้อ`The Great American Comeback`
การกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์ต่อสภาคองเกรสในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการแถลงนโยบายของเขาต่อวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเป็นครั้งที่ 3 ของเขา ได้รับความสนใจจากสื่อทั่วโลก โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ต่อชาวสหรัฐทั่วประเทศ ขณะที่สำนักข่าว CNN จะออกอากาศสดไปทั่วโลกเช่นกัน
คาดว่าปธน.ทรัมป์จะเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงความสำเร็จ และผลงานของรัฐบาลสหรัฐในปีที่แล้ว โดยเขาจะกล่าวถึงการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐ การทำข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับจีน รวมทั้งข้อตกลงการค้า USMCA กับเม็กซิโกและแคนาดา พร้อมกับกล่าวถึงสิ่งที่เขาจะดำเนินการต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือของการดำรงตำแหน่งของเขาในปีนี้ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า ปธน.ทรัมป์จะใช้โอกาสในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ กล่าวปกป้องตัวเขาจากคดีถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี ก่อนที่วุฒิสภาจะลงมติต่อญัตติถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่งในวันพรุ่งนี้ เวลา 16.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือเช้าวันพฤหัสบดี เวลา 04.00 น.ตามเวลาไทย
อย่างไรก็ดี คาดว่าวุฒิสภาจะลงมติคัดค้านการถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากสมาชิกพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ขณะที่การลงมติจำเป็นต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของวุฒิสมาชิกจำนวน 100 คน ส่งผลให้พรรคเดโมแครตมีแนวโน้มประสบความพ่ายแพ้ในความพยายามถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง