ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวก นลท.คลายวิตกไวรัสโคโรนา

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยหวังว่าการระบาดอาจจะชะลอตัวลงในไม่ช้านี้ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอาจจะไม่รุนแรงอย่างที่วิตกกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทที-โมบายของเยอรมนีกับบริษัทสปรินท์ของสหรัฐด้วย

ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.90% ปิดที่ 428.48 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,054.76 จุด เพิ่มขึ้น 39.09 จุด หรือ +0.65%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,627.84 จุด เพิ่มขึ้น 133.81 จุด หรือ +0.99% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,499.44 จุด เพิ่มขึ้น 52.56 จุด หรือ +0.71%

ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ในจีนเริ่มชะลอตัวลง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาชื่อดังของจีนได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจะเบาบางลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า

นายโซ่ง หนานชาน ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาของจีนซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วโลกในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์ส (SARS) ในปี 2546 นั้น ได้แสดงความเห็นว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนจะแตะระดับสูงสุดในเดือนนี้ ก่อนที่จะทรงตัว และเบาบางลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า พร้อมกับกล่าวว่า สถานการณ์ในจีนในขณะนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้เริ่มลดลง

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า บริษัทที-โมบายซึ่งเป็นบริษัทในเครือของดอยซ์ เทเลคอม และบริษัทสปรินท์ของสหรัฐได้รับอนุมัติจากทางการสหรัฐให้ควบรวมกิจการกันได้โดยมีมูลค่าขั้นต้นที่ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นดอยซ์ เทเลคอม พุ่งขึ้น 4.26% ขณะที่หุ้นโนเกียและอิริคสันทะยานขึ้น 5.87% และ 6.48% ตามลำดับ ขานรับข่าวดังกล่าว ซึ่งได้หนุนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรปปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 18 เดือน