ดาวโจนส์ร่วงไม่หยุด ล่าสุดทรุดกว่า 300 จุด กังวลไวรัสโควิด-19,ตัวเลขศก.สหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 21, 2020 23:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 300 จุดในวันนี้ หลังมีรายงานผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความวิตกต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก

นอกจากนี้ ดาวโจนส์ยังถูกกระทบจากการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐประสบภาวะหดตัวครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี

ณ เวลา 22.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,911.50 จุด ลบ 308.48 จุด หรือ 1.06%

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงต่ำกว่าระดับ 29,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.

ดาวโจนส์มีแนวโน้มร่วงลงในสัปดาห์นี้เป็นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์

คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงวันนี้ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจีน เพิ่มขึ้นอีก 118 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตทั่วประเทศจีน อยู่ที่ระดับ 2,236 ราย ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ เพิ่มขึ้น 889 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อของจีน อยู่ที่ระดับ 75,465 ราย นอกจากนี้ เกาหลีใต้ยืนยันพบผู้เสียชีวิตรายแรก และญี่ปุ่นรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย อันเนื่องมาจากการติดเชื้อไวรัสดังกล่าว กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานเตือนว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบลุกลามไปยังเศรษฐกิจโลก รายงานระบุว่า เศรษฐกิจโลกได้ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดแล้ว แต่การฟื้นตัวยังคงมีความเปราะบาง ท่ามกลางความเสี่ยงในช่วงขาลง "ไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน ขณะที่การผลิตได้หยุดชะงักลง และการเคลื่อนย้ายของแรงงานก็ได้ถูกจำกัด โดยมีแนวโน้มว่าประเทศอื่นจะได้รับผลกระทบเช่นกันในธุรกิจการท่องเที่ยว, ห่วงโซ่อุปทาน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์" รายงานระบุ

บริษัทโคคา โคล่าคาดการณ์ว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อตัวเลขกำไรในไตรมาสแรกราว 1-2 เซนต์/หุ้น และกระทบรายได้ 1-2% ขณะที่กระทบปริมาณการจำหน่ายเครื่องดื่มราว 2-3%

อย่างไรก็ดี โคคา โคล่าคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีผลประกอบการประจำปีนี้ตามเป้าหมาย

ทั้งนี้ มูลค่าธุรกิจในจีนของโคคา โคล่าคิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของทั้งโลก แต่มีกำไรและรายได้น้อยกว่า 10%

ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 49.6 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 76 เดือน จากระดับ 53.3 ในเดือนม.ค.

ดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐประสบภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.2556 หลังจากมีการขยายตัวยาวนานเกือบ 4 ปี

ดัชนี PMI ได้รับผลกระทบจากภาวะหดตัวของภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตชะลอตัว โดยถูกกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ ดัชนี PMI ยังถูกกดดันจากคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลในเดือนต.ค.2552 ส่วนการจ้างงานชะลอตัวลง แต่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน

ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 50.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 51.9 ในเดือนม.ค.

สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 49.4 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 76 เดือน จากระดับ 53.4 ในเดือนม.ค. โดยดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคบริการประสบภาวะหดตัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ