ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและนอกประเทศจีน และตลาดยังถูกกดดันจากการที่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่ากิจกรรมในภาคธุรกิจหดตัวลง
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.49% ปิดที่ 428.07 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,029.72 จุด ลดลง 32.58 จุด หรือ -0.54%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,579.33 จุด ลดลง 84.67 จุด หรือ -0.62% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,403.92 จุด ลดลง 32.72 จุด หรือ -0.44%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบที่ยืดเยื้อต่อภาคธุรกิจหลังจีนรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นในวันศุกร์, เกาหลีใต้รายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 100 ราย และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกกว่า 80 คนในญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ไอเอชเอส มาร์กิตซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 49.6 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 76 เดือน จากระดับ 53.3 ในเดือนม.ค.
ดัชนี PMI ซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐประสบภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2556 หลังจากมีการขยายตัวยาวนานเกือบ 4 ปี
หุ้นกลุ่มรถยนต์นำตลาดร่วงลง โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเริ่มขึ้นในมณฑลหูเป่ยของจีนซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ โดยหุ้นโรลส์-รอยซ์ของอังกฤษ ลบ 2.86%, หุ้นเรโนลต์ของฝรั่งเศส ลดลง 2.97% และหุ้นบีเอ็มดับบลิวของเยอรมนี ปรับตัวลง 1.22%
การร่วงลงของราคาน้ำมันฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานลงด้วย โดยหุ้นเชลล์ ลบ 1.67% และหุ้นบีพี ปรับตัวลง 2.71%