ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) ที่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดทั่วโลกของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอีก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.76% ปิดที่ 404.60 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,679.68 จุด ลดลง 112.19 จุด หรือ -1.94%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,790.49 จุด ลดลง 244.75 จุด หรือ -1.88% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,017.88 จุด ลดลง 138.95 จุด หรือ -1.94% ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นออกมาท่ามกลางความวิตกกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 ขณะที่มีรายงานว่า สเปน, สวิตเซอร์แลนด์, โครเอเชีย และออสเตรีย ได้ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายแรกในประเทศ ขณะที่อิตาลีกลายเป็นประเทศที่เชื้อโควิด-19 แพร่ระบาดมากที่สุดในยุโรป โดยมีผู้ติดเชื้อ 260 คน และมีผู้เสียชีวิต 10 คน
หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกันนำตลาดร่วงลง โดยได้รับผลกระทบจากบอนด์ยิลด์ที่ลดลง หลังนักลงทุนแห่เข้าซื้อพันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรร่วงลง
หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ของเยอรมนี ร่วง 5.84% ขณะที่หุ้นลีเกิล แอนด์ เจเนอรัล กรุ๊ปของอังกฤษ ร่วง 4.59%
ตลาดหุ้นอิตาลีร่วงลงอย่างหนักจากรายงานข่าวที่ว่า บรรดาธนาคารขนาดใหญ่ อาทิ บีเอ็นพี พาริบาส์ และดอยซ์ แบงก์ สั่งห้ามพนักงานเดินทางไปยังอิตาลี เนื่องจากอิตาลีกลายเป็นแหล่งระบาดของเชื้อโควิด-19 แหล่งใหญ่ที่สุดของยุโรป
หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นลุฟต์ฮันซาของเยอรมนี ลดลง 1.55%, หุ้นอีซี่เจ็ตของอังกฤษ ร่วง 3.02% และหุ้น IAG เจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ของอังกฤษ ลดลง 2.33%