ดัชนีดาวโจนส์พลิกพุ่งกว่า 300 จุดในวันนี้ ขานรับรัฐบาลสหรัฐ รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ที่ได้ออกมาตรการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ณ เวลา 22.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 20,210.25 จุด บวก 311.33 จุด หรือ 1.56%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า 100 จุดในช่วงแรก ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และถูกกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่พุ่งสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง
แหล่งข่าวระบุว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาการจำหน่ายพันธบัตรอายุ 25 ปี และ 50 ปี เพื่อนำรายได้มาสนับสนุนโครงการต่างๆตามมาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ลงนามในกฎหมาย "Families First Coronavirus Response Act" หลังจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างท่วมท้น
กฎหมายดังกล่าว ซึ่งคาดว่ามีวงเงินสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์นั้น ครอบคลุมถึงมาตรการแจกเงินสดแก่ชาวอเมริกันวงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์ และมาตรการสนับสนุนทางการเงินแก่อุตสาหกรรมการบินวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีโครงการช่วยเหลือประชาชนที่ตกงานจากผลกระทบของโควิด-19 และให้ชาวอเมริกันสามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย รวมทั้งมีการจ่ายเงินชดเชยให้กับลูกจ้างที่ลาป่วยจากการติดเชื้อดังกล่าว
ทางด้านเฟดเปิดเผยว่า เฟดได้ร่วมมือกับธนาคารกลางหลายแห่งในการเพิ่มสภาพคล่องของดอลลาร์ทั่วโลกผ่านทางการทำข้อตกลงสว็อประหว่างธนาคารกลางดังกล่าว
ทั้งนี้ เฟดประกาศข้อตกลงสว็อปกับธนาคารกลางของออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บราซิล เดนมาร์ก เม็กซิโก นอร์เวย์ สวีเดน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ โดยข้อตกลงสว็อปดังกล่าวจะมีอายุ 6 เดือน
ข้อตกลงสว็อปที่เฟดทำไว้กับธนาคารกลางทุกแห่งจะมีวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ ยกเว้นข้อตกลงของธนาคารกลางเดนมาร์ก นอร์เวย์ และนิวซีแลนด์ จะมีวงเงินแห่งละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์
การดำเนินการของเฟดในครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่เฟดได้ทำข้อตกลงสว็อปกับธนาคารกลางยุโรป รวมถึงธนาคารกลางจากอังกฤษ แคนาดา ญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนหน้านี้ เพื่อป้องกันภาวะตึงตัวของดอลลาร์ หลังจากที่นักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทางด้าน BoE จัดการประชุมฉุกเฉินในวันนี้ โดย BoE มีมติเอกฉันท์ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.15% สู่ระดับ 0.10% จากระดับ 0.25% เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ BoE ยังเปิดเผยว่า ทางธนาคารกลางจะเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 2 แสนล้านปอนด์ สู่ระดับ 6.45 แสนล้านปอนด์
ก่อนหน้านี้ BoE ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินลง 0.50% สู่ระดับ 0.25% เมื่อวันที่ 11 มี.ค. จากเดิมที่ระดับ 0.75%
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้น 70,000 ราย สู่ระดับ 281,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย.2560 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 220,000 ราย
การพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานมีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจแห่ปลดพนักงาน ท่ามกลางผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 16,500 ราย สู่ระดับ 232,250 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.2561