ดาวโจนส์"สูงสุดกลับสู่สามัญ" หลังดิ่งกว่า 800 จุด ลบช่วงบวกทั้งหมดนับตั้งแต่"ทรัมป์"ชนะเลือกตั้ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 23, 2020 23:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุดดิ่งลงกว่า 800 จุด แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

นักลงทุนจับตาวุฒิสภาสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดลงมติต่อร่างกฎหมายว่าด้วยมาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19

ณ เวลา 22.56 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 18,320.70 จุด ลบ 853.28 จุด หรือ 4.45%

ดัชนีดาวโจนส์ได้ลบล้างช่วงบวกที่เคยทำไว้ทั้งหมด นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2559 โดยขณะนี้ดาวโจนส์ปรับตัวต่ำกว่าระดับปิดตลาดในวันที่ 8 พ.ย.2559 ซึ่งเป็นวันที่ปธน.ทรัมป์ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งเหนือนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต

ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์มักโอ้อวดว่าการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นภายใต้การบริหารงานของเขานับตั้งแต่ที่เขาชนะการเลือกตั้ง เป็นหลักฐานที่แสดงว่านักลงทุนให้การยอมรับต่อนโยบายทางเศรษฐกิจของเขา

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงเกือบ 40% นับตั้งแต่เดือนที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนแห่เทขายหุ้นในตลาดวอลล์สตรีทหนักเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ทางด้านเฟดประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในวันนี้เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

มาตรการดังกล่าว รวมถึง การซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงินไม่จำกัด เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของตลาด และความมีประสิทธิภาพในการใช้นโยบายการเงิน ท่ามกลางสภาวะทางการเงินและเศรษฐกิจในปัจจุบัน

แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า "เฟดจะดำเนินโครงการซื้อสินทรัพย์ในวงเงินที่จำเป็นในการสนับสนุนการดำเนินงานของตลาดอย่างราบรื่น และความมีประสิทธิภาพในการส่งผ่านนโยบายทางการเงินไปยังเศรษฐกิจและระบบการเงินในวงกว้าง ขณะที่ไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อสหรัฐและทั่วโลก โดยภารกิจที่สำคัญที่สุดของเราคือการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ และจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัส และขณะที่ยังคงมีความไม่แน่นอนจำนวนมาก ก็เป็นที่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจของเราจะเผชิญกับภาวะชะงักงันอย่างรุนแรง ภาครัฐและภาคเอกชนจึงต้องใช้ความพยายามในเชิงรุกเพื่อจำกัดจำนวนคนที่จะตกงาน และรายได้ที่จะหายไป เพื่อให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว"

เฟดยังระบุว่าจะเข้าซื้อหุ้นกู้ของภาคเอกชนเป็นครั้งแรก โดยจะซื้อหลักทรัพย์ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือในขั้นน่าลงทุน ทั้งในและนอกตลาด รวมทั้งจะเข้าซื้อกองทุน ETFs

นอกจากนี้ เฟดจะเพิ่มวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์สำหรับโครงการปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ และโครงการสินเชื่อที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันที่มีการใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงิน

ขณะเดียวกัน เฟดระบุว่าจะทำ QE โดยรวมถึงการเข้าซื้อหลักทรัพย์ที่มีตราสารจำนองเชิงพาณิชย์ค้ำประกัน ซึ่งจะบ่งชี้ว่าเฟดได้ขยายการทำ QE ให้รวมถึงตราสารเชิงพาณิชย์ในภาคอสังหาริมทรัพย์

การดำเนินการของเฟดในวันนี้ ถือเป็นการดำเนินการแทรกแซงตลาดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เฟดเคยดำเนินการ

ทางด้านนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า พรรคเดโมแครตและรีพับลิกันกำลังใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการของทำเนียบขาวในการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19

"ผมคิดว่าเรากำลังใกล้บรรลุข้อตกลงเป็นอย่างมาก และเราจำเป็นต้องมีข้อตกลงในวันนี้ โดยคองเกรสต้องอนุมัติเงินเพิ่มเติมในวันนี้ เพื่อที่เราจะสามารถเดินหน้าในการสนับสนุนแรงงานอเมริกัน และเศรษฐกิจอเมริกัน" เขากล่าว

นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวเช่นกันว่า วุฒิสภาใกล้บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวแล้ว ขณะที่การเจรจาระหว่างวุฒิสมาชิกและนายมนูชินเป็นไปด้วยดี

ข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนมากกว่า 350,536 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15,328 ราย

ทั้งนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่อิตาลีมีจำนวนผู้ติดเชื้อเกือบ 60,000 ราย ซึ่งมากที่สุดนอกประเทศจีน

ขณะเดียวกัน จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนอย่างน้อย 35,224 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 471 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ