ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้น 4% หลังยอดผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิตจากโควิด-19 รายใหม่ชะลอตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 6, 2020 17:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ โดยภาวะการซื้อขายได้แรงหนุนจากข้อมูลที่เผยให้เห็นว่า จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในสหรัฐและหลายประเทศในยุโรป ชะลอตัวลงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ณ เวลา 17.00 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้น 852 จุด หรือ 4.07% สู่ระดับ 21,809 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นยุโรปที่ดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากข้อมูลในช่วงสุดสัปดาห์เผยให้เห็นว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงแตะ 8.2% จาก 12.3% นอกจากนี้ ผู้เสียชีวิตในรัฐนิวยอร์กยังลดลงเป็นครั้งแรก ขณะที่อิตาลีมีผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดในรอบกว่าสองสัปดาห์ ด้านสเปนมีผู้เสียชีวิตลดลงเป็นวันที่สามติดต่อกัน ส่วนฝรั่งเศสรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตน้อยที่สุดในรอบห้าวัน

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ที่ปรับตัวขึ้นในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ หลังจากที่ปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่ทรุดตัวลงมากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งได้ตอกย้ำถึงความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

สำหรับในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลง 2.7%, ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.1% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 1.7%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อวันศุกร์ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรดิ่งลง 701,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2553 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า อาจลดลงเพียง 10,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 4.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2560 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.7% หลังจากแตะระดับ 3.5% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี

การลดลงของตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรมีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจได้พากันปิดกิจการ อันเนื่องมาจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก

นักเศรษฐศาสตร์ของมอร์แกน สแตนลีย์คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐ จะหดตัวลง 38% ในไตรมาส 2/2563

สำหรับวันนี้ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ