ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ วิตกสัมพันธ์สหรัฐ-จีน,เศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัวช้า

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (21 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลงระหว่างสหรัฐ-จีน นอกเหนือไปจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเชื่องช้าของยูโรโซน หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.75% ปิดที่ 340.26 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,445.45 จุด ลดลง 51.52 จุด หรือ -1.15%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 11,065.93 จุด ลดลง 157.78 จุด หรือ -1.41% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,015.25 จุด ลดลง 51.91 จุด หรือ -0.86%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่สหรัฐกล่าวหาว่าจีนจัดการอย่างผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

นอกจากนี้ นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐยังได้กล่าวโจมตีจีนกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยระบุว่า เม็ดเงินมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ที่จีนประกาศอัดฉีดเพื่อช่วยต่อสู้กับโควิด-19 นั้น "ขี้ปะติ๋ว" เมื่อเทียบกับชีวิตหลายแสนชีวิตที่ต้องสูญเสียไป รวมทั้งมูลค่าความเสียหายอีกหลายล้านล้านดอลลาร์

ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า หลังไอเอชเอส มาร์กิตซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค.ของยูโรโซน ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 30.5 จากระดับ 13.6 ในเดือนเม.ย. โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่รัฐบาลในหลายประเทศของยูโรโซนได้ประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของยูโรโซนอยู่ในภาวะหดตัว

หุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มน้ำมันและก๊าซ และกลุ่มเทคโนโลยีถ่วงตลาดลงมากที่สุด เนื่องจากนักลงทุนเทขายเพื่อลดความเสี่ยง

หุ้นดอยซ์ แบงก์ ร่วง 2.03%, หุ้นเอชเอสบีซี ร่วง 3.36%, หุ้นโททาล ปรับตัวลง 1.80%, หุ้นบีพี ลดลง 1.04% และหุ้นเชลล์ ลบ 0.54%