ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ จากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไรจากการดีดตัวขึ้นของตลาดก่อนหน้านี้
ณ เวลา 21.03 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,482.45 จุด ลบ 171.42 จุด หรือ 0.6%
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นมากกว่า 8% ในเดือนนี้ และมีแนวโน้มทำสถิติเป็นเดือนส.ค.ที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในรอบ 36 ปี
ส่วนดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้นมากกว่า 7% ในเดือนนี้ และมีแนวโน้มทำสถิติเป็นเดือนส.ค.ที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในรอบ 36 ปีเช่นกัน
ดัชนี S&P 500 ได้ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนนี้ และเป็นการยืนยันถึงการเริ่มต้นของภาวะกระทิงในตลาด
เมื่อวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์สามารถลดช่วงติดลบทั้งหมดที่ทำไว้นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ส่งผลให้ขณะนี้ดาวโจนส์บวก 0.4% ในปีนี้
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้รับแรงหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเขาได้ประกาศการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ ซึ่งเฟดจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกหลายปี
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันศุกร์นี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.255 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค.
เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.763 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.48 ล้านตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 4.791 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 10.2% โดยต่ำกว่าระดับ 11.1% ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.6%