ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวแคบในวันนี้ หลังจากที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นในเดือนส.ค.
ณ เวลา 20.05 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 29 จุด หรือ 0.10% สู่ระดับ 28,387 จุด
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 7.6% ในเดือนส.ค. โดยดีดตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ทำสถิติเป็นเดือนส.ค.ที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในรอบ 36 ปี
ส่วนดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้น 7% ในเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และทำสถิติเป็นเดือนส.ค.ที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 34 ปี
ดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนส.ค. และเป็นการยืนยันถึงการเริ่มต้นของภาวะกระทิงในตลาด
เมื่อวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์สามารถลดช่วงติดลบทั้งหมดที่ทำไว้นับตั้งแต่ต้นปีนี้ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล โดยได้ประกาศการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ ซึ่งเฟดจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกหลายปี
นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันศุกร์นี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.255 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค.
เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.763 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.48 ล้านตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 4.791 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 10.2% ในเดือนก.ค. โดยต่ำกว่าระดับ 11.1% ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.6%