ดาวโจนส์พักฐาน หลังพุ่งแรงในเดือนส.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 1, 2020 21:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวแคบในวันนี้ หลังจากที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นในเดือนส.ค.

ณ เวลา 21.15 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 28,438.96 จุด บวก 8.91 จุด หรือ 0.03%

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 7.6% ในเดือนส.ค. โดยดีดตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ทำสถิติเป็นเดือนส.ค.ที่ทะยานขึ้นมากที่สุดในรอบ 36 ปี

ส่วนดัชนี S&P 500 ดีดตัวขึ้น 7% ในเดือนส.ค. ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และทำสถิติเป็นเดือนส.ค.ที่พุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบ 34 ปี

ดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนส.ค. และเป็นการยืนยันถึงการเริ่มต้นของภาวะกระทิงในตลาด

เมื่อวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์สามารถลดช่วงติดลบทั้งหมดที่ทำไว้นับตั้งแต่ต้นปีนี้ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล โดยได้ประกาศการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินครั้งสำคัญ ซึ่งเฟดจะเปลี่ยนแปลงแนวทางในการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยจะเปิดทางให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นมากกว่าเดิมเพื่อสนับสนุนตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกหลายปี

ราคาหุ้นของบริษัท Zoom Video Communications Inc ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พุ่งขึ้นกว่า 40% ในวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้พุ่งขึ้นเกินคาดในไตรมาส 2

ทั้งนี้ Zoom รายงานกำไรที่ระดับ 92 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 45 เซนต์/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 663.5 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 500.5 ล้านดอลลาร์

ราคาหุ้น Zoom พุ่งขึ้น 369% จากต้นปีนี้ และทะยานขึ้นมากกว่า 8 เท่านับตั้งแต่ทำการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ในปีที่แล้ว โดยได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ประชาชนจำนวนมากอยู่แต่ในบ้าน และหันมาใช้บริการ Zoom สำหรับการศึกษา การทำงาน และการติดต่อสื่อสารกับคนอื่นๆ

Zoom เปิดเผยว่าผู้ใช้บริการเฉลี่ยต่อเดือนในไตรมาส 2 มีจำนวน 148.4 ล้านราย เพิ่มขึ้น 4,700% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ราคาหุ้นของบริษัทอีสต์แมน โกดักพุ่งขึ้น 40% ในวันนี้ หลังมีการเปิดเผยว่า กองทุนเฮดจ์ฟันด์แห่งหนึ่งได้เข้าถือหุ้นในบริษัท

ทั้งนี้ เอกสารที่แจ้งต่อคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ระบุว่า D.E. Shaw ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ได้เข้าถือหุ้น 5.2% ในโกดัก

ราคาหุ้นของโกดักแกว่งตัวผันผวนอย่างหนักตั้งแต่กลางปีนี้ ท่ามกลางกระแสข่าวที่เข้ามาในตลาด โดยได้ทะยานขึ้นมากกว่า 1,000% ในช่วงปลายเดือนก.ค. ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าตลาดมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ หลังมีข่าวว่า บริษัทบรรลุข้อตกลงในการกู้เงินจำนวน 765 ล้านดอลลาร์จากรัฐบาลสหรัฐสำหรับการผลิตยาภายใต้กฎหมายการผลิตในยามสงคราม ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลสหรัฐประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นโกดักดิ่งลงกว่า 40% ในเดือนที่แล้ว หลังจากที่นางอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกสหรัฐ ได้ส่งหนังสือถึง SEC เพื่อให้มีการตรวจสอบเรื่องการซื้อขายหุ้นโกดักโดยใช้ข้อมูลภายใน (insider trading) เนื่องจากในวันก่อนที่จะมีการประกาศข้อตกลงการกู้เงินดังกล่าว มีการซื้อขายหุ้นโกดักในปริมาณมาก ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้น และทำให้ผู้บริหารของบริษัทได้รับกำไรอย่างมาก โดยบางรายได้รับสิทธิในการซื้อขายล่วงหน้า (options) หนึ่งวันก่อนการประกาศข้อตกลงเงินกู้ดังกล่าว

ทางด้านหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล (WSJ) รายงานว่า SEC จะเข้าตรวจสอบการทำข้อตกลงระหว่างโกดักและรัฐบาลสหรัฐ

ล่าสุด รัฐบาลสหรัฐสั่งระงับการทำข้อตกลงดังกล่าว หลังมีรายงานการซื้อขายหุ้นโดยใช้ข้อมูลภายใน

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐจะเร่งตรวจสอบประเด็นการซื้อขายหุ้นโกดักโดยใช้ข้อมูลภายใน แต่ยืนยันว่าตัวเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำข้อตกลงดังกล่าว

แหล่งข่าวระบุว่า ติ๊กต็อก (TikTok) บริษัทเจ้าของแอปพลิเคชันวิดีโอสั้นยอดนิยมของจีน จะประกาศชื่อผู้ชนะในการซื้อกิจการในสหรัฐ แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ อย่างเร็วที่สุดในวันนี้

แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ติ๊กต็อกได้ตัดสินใจที่จะขายกิจการให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง ขณะที่สื่อรายงานว่า 2 บริษัทตัวเก็งที่อาจคว้าดีลดังกล่าว ได้แก่ ออราเคิล และไมโครซอฟท์ซึ่งจะจับมือเป็นพันธมิตรกับวอลมาร์ท

มีการคาดการณ์กันว่า ติ๊กต็อกจะขายกิจการดังกล่าวในวงเงินราว 2-3 หมื่นล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี การขายกิจการของติ๊กต็อกเผชิญอุปสรรคจากการที่จีนได้ปรับปรุงรายการส่งออกเทคโนโลยีซึ่งต้องผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลจีน โดยรายการสินค้าควบคุมดังกล่าวรวมถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของติ๊กต็อก

นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันศุกร์นี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.255 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค.

เมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.763 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.48 ล้านตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 4.791 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 10.2% ในเดือนก.ค. โดยต่ำกว่าระดับ 11.1% ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.6%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ